ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น CCET บริษัท แคล-คอมพ์ อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CCET)ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ ( 19 พ.ย.) ทดสอบที่ราคา 10 บาท ทั้งนี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวจากจุดต่ำสุด ที่ 1.49 บาท มาอยู่ที่ 10 บาท นับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 571% เลยทีเดียว ก่อนปรับตัวลดลงแรง
ทั้งนี้สาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรง เกิดจากการเติบโตของธุรกิจที่ร้อนแรง โดยบริษัท ประกาศกำไร 9 เดือนแรก ที่ 1,953.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.30% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์-สูงกว่าผลงานปี 66 มีกำไรอยู่ที่ 1,115.61 ล้านบาท
คงสิทธิ์ โจวกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคล-คอมพ์ อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CCET) เปิดเผยว่า การเติบโตของบริษัท มาจาก รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการเครื่องพิมพ์ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสนี้
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของ CCET คาดการณ์ว่าผลประกอบการในอนาคตจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน โดยโรงงานใหม่ในจังหวัดสมุทรสาครจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ และโรงงานใหม่ในจังหวัดเพชรบุรีจะเริ่มดำเนินการในปีต่อๆไป ซึ่งพร้อมรองรับคำสั่งซื้อที่มีมาร์จิ้นสูง นอกจากนี้สงครามการค้ายังคงดำเนินอยู่และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน และจีน-ไต้หวัน คาดว่าจะเร่งย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ลูกค้ารายใหญ่สองรายได้ประกาศแผนการย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานใหม่ของ CCET เพื่อลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
บริษัทหลักทรัพย์บียอนด์จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า CCET ปรับกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพธุรกิจ ส่วนแบ่งกำไรใน ไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 630% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยขายหุ้นของบริษัท XYZprinting, Inc. (“XYZ”) สัดส่วน 48.59% มูลค่า 1.1 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรของบริษัท XYZprinting, Inc. (“XYZ”) ประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่องหลายไตรมาส การขายหุ้นดังกล่าวเป็นการปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานและเพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทด้านการเติบโตทางธุรกิจ
ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมส่วนใหญ่มาจากบริษัท Cal-Comp Technology (Philippines), Inc. ปรับคำแนะนำเป็น “ลดน้ำหนักลงทุน” จาก “ถือ” เราปรับคำแนะนำเป็น “ลดน้ำหนักลงทุน” จาก “ถือ” ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท โดยอ้างอิงจาก PER ปี 2025 ที่ 16.8 เท่า เรามองว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนและการปรับเปลี่ยนไลน์ผลิตภัณฑ์เน้นสินค้าที่มีไฮมาร์จิ้นมากพอสมควร