เป็นที่น่าจับตาสำหรับการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ “กลุ่มบริษัทบ้านปู” จากผู้เล่นถ่านหินรายใหญ่ สู่การเป็นบริษัทพลังงานที่หลากหลาย ด้วยการนำของผู้บริหารรุ่นใหม่อย่าง “สินนท์ ว่องกุศลกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)
ล่าสุด บริษัทเปิดเผยถึงแผนการลงทุนที่มีเม็ดเงินกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 1 แสนล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้าจนถึงปี 2573 ในการลงทุนธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะโครงการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และโรงไฟฟ้าสีเขียว เพื่อทำให้ EBITDA ที่มาจากธุรกิจพลังงานสะอาดมีสัดส่วนมากกว่า 50%
สินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BANPU เปิดเผยว่า กลยุทธ์ใหม่ “Energy Symphonics” นั้น เป็นการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2573 ที่เน้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน ตอบสนองต่อความต้องการพลังงานของโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยมุ่งเน้นที่ 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ 1.ความมั่นคงทางพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้และต่อเนื่อง 2.ความเสมอภาคด้านพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่มีราคาสมเหตุสมผล ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และ 3.ความยั่งยืนด้านพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็นการลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และโครงการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS) ซึ่งจะใช้เม็ดเงินการลงทุนในส่วนนี้เป็นหลักราว 60% เพื่อส่งมอบโซลูชันก๊าซธรรมชาติคาร์บอนต่ำในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
ส่วนที่เหลืออีก 40% จะใช้ลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจพลังงานสะอาด โดยบริษัทจะเร่งขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และภูมิภาคอื่นๆ โดยลงทุนในระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ธุรกิจปลายน้ำที่เกี่ยวข้อง และธุรกิจคาร์บอนเครดิต เพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับพลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ
นอกจากนี้ มีแผนพัฒนาธุรกิจเหมืองแร่ยุคใหม่ ดำเนินกลยุทธ์การทำเหมืองอัจฉริยะ โดยการผสานการใช้โซลูชันอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการทำเหมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลงทุนในแร่แห่งอนาคตที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงานด้วย
อย่างไรก็ดี บริษัทวางเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 และการลดคาร์บอน ตั้งเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี 2593 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 20% และลดสัดส่วน EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา) ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่า 50% ภายในปี 2573 จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจถ่านหินราว 63%
“ไม่ว่าเราจะต้องประสบกับความท้าทายของตลาดพลังงานที่ผันผวน บ้านปูเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ Energy Symphonics จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ สร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น ในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงการดูแลโลกใบนี้” สินนท์กล่าว
สินนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนและสรุปงบประมาณในปี 2568 ซึ่งมุ่งเน้นไปยัง 4 แกนหลักที่สำคัญของกลุ่มบ้านปู ซึ่งยังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางธุรกิจในปีหน้า จากแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity) และธุรกิจพลังงานที่ยังมีความมั่นคง ขณะเดียวกันยังมีอัพไซด์จากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ Temple II ในสหรัฐฯ ด้วย
สำหรับการขยายการเติบโตของบ้านปู เน็กซ์ หนึ่งในบริษัทเรือธงของกลุ่มบ้านปู ได้วางเป้าหมายกำลังผลิตรวมจำนวน 2 กิกะวัตต์ ภายในปี 2570 ซึ่งล่าสุดเข้าลงทุนในบริษัท แอมป์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศญี่ปุ่น ด้วยงบลงทุน 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม 800 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ แบตเตอรี่ฟาร์ม Iwate Tono ใกล้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้กำลังติดตั้งอุปกรณ์แรงดันไฟฟ้าสูงและสถานีไฟฟ้าย่อยในเฟส 2 โดยคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาสที่ 2/68
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้