หุ้นนิคมฯ ยิ้มรับย้ายฐานผลิต “บิ๊กเทค” จ่อลงทุนไทย ดันราคา 2 ยักษ์ WHA-AMATA พุ่งทำจุดสูงสุดของปี

หุ้นนิคมอุตสาหกรรมกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก หลังได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติจากประเทศไทยเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับการลงทุนใหม่ รวมถึงกลุ่ม "บิ๊กเทค" ที่เตรียมเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตให้กับกลุ่มหุ้นนิคมอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน

ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่าไม่ได้มีแต่บริษัทข้ามชาติจากจีน ที่ทยอยย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าเท่านั้น แต่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ อย่าง Microsoft, Amazon, Google รวมไปถึง Nvidia ก็เตรียมแผนที่จะมาลงทุนในไทยด้วยเช่นกัน 

และหากมาดูหุ้นนิคมอุตสาหกรรมในไทย จะเห็นว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องรับข่าวเชิงบวกดังกล่าว โดยเฉพาะ 2 ยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม คือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น WHA และบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น AMATA ต่างก็ได้รับแรงหนุนทำให้ราคาหุ้นพุ่งทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปี

ล่าสุด ณ เวลา 10.39 น. ราคาหุ้น WHA อยู่ที่ 6.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +4.31% จากวันก่อน ราคาหุ้น AMATA อยู่ที่ 29.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ +9.26% จากวันก่อน ราคาหุ้น ROJNA อยู่ที่ 7.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ +2.08% จากวันก่อน และราคาหุ้น PIN อยู่ที่ 6.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +4.17% จากวันก่อน

WHA จ่อโอนที่ดิน 400 ไร่ Google ปีหน้า ลุ้นดีล Nvidia

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวกระยะยาวจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่มีกำไรขั้นต้นในระดับสูง และแปลงที่ดิน Google ขนาดราว 400 ไร่ คาดว่าจะโอนได้ในปี 2568

รวมไปถึงแนวโน้มเชิงบวกจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประกาศแผนการลงทุนในไทยของ Nvidia เดือนธันวาคมนี้ และเงินลงทุนจากต่างชาติที่ยังคงหลั่งไหลเข้าไทย

ทั้งนี้ประเมินมูลค่าเหมาะสมอิง P/E ในอดีต 10 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 20เท่า ได้ราคาเหมาะสม 6.30 บาท ด้วยแนวโน้มเชิงบวกหลายเรื่อง ฝ่ายวิจัยจึงให้คำแนะนำการลงทุนที่ “Outperform”

AMATA ดีมานด์ล้น ยอดขายรอโอนทำจุดสูงสุด 

ด้าน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อจำนวน Backlog ที่ทำ All time high มากถึง 1.69 หมื่นล้านบาท โดย Backlog ของ AMATA มีความแข็งแกร่งมากจากการที่ลูกค้าต้องวางเงินมัดจำในสัดส่วนที่สูงกว่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย โดยเงินมัดจำที่ได้รับจากลูกค้าอยู่ในงบดุลก็สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

ขณะที่ความต้องการที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมในตอนนี้ มีความต้องการสูงกว่าอุปทานเป็นจำนวนมาก จากการย้ายฐานการผลิตของจีนและไต้หวัน ทำให้ทั้ง AMATA สามารถปรับราคาขายที่ดินได้ซึ่งอาจจะเป็นอัพไซด์

สำหรับกำไรขั้นต้นในอนาคต เรามองว่าหาก AMATA สามารถโอน Backlog ได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต จะสามารถช่วยลดอัตราคิดลด (Discount rate) ของทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ซึ่งจะมีโอกาสเพิ่มอัพไซด์ในอนาคตได้ โดยแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท

 อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney