ส่องผลกระทบตลาดหุ้นไทย หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ฯ คาดว่าจะลดอีกไม่น้อยกว่า 0.5% ภายในปีนี้ และปี 2568 จะลดลงอีก 1% ซึ่งภาพดังกล่าวบ่งชี้ถึงวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ส่งผลให้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดดอกเบี้ยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 1,500 จุดได้ พร้อมเชื่อว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาในหุ้นไทย จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้สูงกว่าสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังมีโอกาสเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติม จากปัจจุบันมูลค่าหุ้นไทยต่ำกว่าหุ้นสหรัฐฯ และกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไทยในปีนี้ ที่คาดว่าจะเติบโตสูงถึง 13%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า เฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ในการประชุมเมื่อวาน ขณะที่ในช่วงเวลาที่เหลือของปีคาดว่าจะปรับลดลงอีกไม่น้อยกว่า 0.5% ส่วนปี 2568 คาดว่าจะปรับลดลงอีก 1%
ภาพดังกล่าวสะท้อนให้เห็นวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างแรงกดดันให้อัตราดอกเบี้ยในไทยปรับลดลงเช่นกัน โดยเห็นว่ามีโอกาสที่จะเห็น กนง. ปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้
ทั้งนี้ ประเมินจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศที่ปรับตัวลดลงมารอ ล่าสุดผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.5% เท่ากับดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน ขณะที่เงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหากภาวะดังกล่าวยังดำเนินต่อไปก็จะเป็นปัญหาต่อภาคการส่งออก แต่ในมุมของตลาดหุ้นไทยเชื่อว่าได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ดอกเบี้ย รวมถึงภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวชัดเจน มีโอกาสขยับเป้าหมายขึ้นไปเหนือ 1,500 จุด
นอกจากนี้ ประเมินว่าเป้าหมายการลงทุนต่างชาติมีโอกาสเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติม จากปัจจัยในเชิงเปรียบเทียบหลาย ๆ มิติ ดังนี้
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า หลังจากเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% นั้น มองหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มองไปยังโรงไฟฟ้า อสังหาฯ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และหุ้นที่หนี้สินสูง อย่าง CPALL และ MINT รวมไปถึงกลุ่มที่ต้นทุนเป็นดอกเบี้ย ได้แก่ MTC, SAWAD และ TIDLOR เป็นต้น
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย แนะระมัดระวังหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยลงในช่วงหลังจากนี้ ด้วยเงินเฟ้อที่ไม่สูง ประกอบกับเฟดเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐคืนนี้ โดย Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.3 แสนราย และ 3.9 ล้านหลังคาเรือนตามลำดับ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังแนะลดพอร์ตการลงทุนเช่นเดิม จากการที่ดัชนีรับรู้ปัจจัยบวกไปมากแล้ว ส่วนเก็งกำไรระยะสั้นแนะกลุ่มการเงิน เช่น MTC, SAWAD, TIDLOR อสังหาริมทรัพย์ เช่น AP, SPALI หุ้นที่ภาระหนี้สินสูง เช่น MINT, CPALL กลุ่มส่งออก เช่น ITC, TU ซึ่งมีปัจจัยหนุนคือการอ่อนค่าของเงินบาท
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้