จับตาหุ้นโรงพยาบาลไทย หลังจากรัฐบาลคูเวต ล่าสุด รัฐบาลคูเวตเตรียมประกาศรายชื่อโรงพยาบาล 3 แห่งในไทย ที่จะอนุญาตส่งผู้ป่วยเข้ามารักษาทางการแพทย์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ได้ประกาศระงับการส่งผู้ป่วยมาประเทศไทยชั่วคราวเพื่อตรวจสอบมาตรฐานการให้บริการ ทำให้รายได้ผู้ป่วยต่างชาติของโรงพยาบาลใหญ่ในไทยชะลอตัวลง
โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินว่า “กลุ่มโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” หรือ BH มีโอกาสสูงที่สุดที่จะติด 1 ใน 3 แห่งของโรงพยาบาลที่ทางรัฐบาลคูเวตจะส่งมารักษา เนื่องจากมีชื่อเสียงในการรักษาโรคยากซับซ้อน และมีฐานคนไข้ตะวันออกกลางสูงที่สุดในกลุ่ม โดยรายได้จากผู้ป่วยคูเวต ถือว่ามีสัดส่วนนัยสำคัญกว่า 5-6%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงครึ่งหลังของปี คือการกลับมาใช้บริการของผู้ป่วยคูเวต เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลคูเวตมีการปรับนโยบายการส่งตัวผู้ป่วยมารักษายังต่างประเทศ โดยจะลดจำนวนโรงพยาบาลที่ส่งมารักษาจาก 17 แห่ง เหลือเพียงราว 3 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงวดไตรมาส 3/67
โดยฝ่ายวิจัยคาดว่า บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BH มีโอกาสสูงที่สุดที่จะติด 1 ใน 3 แห่งของโรงพยาบาลที่ทางรัฐบาลคูเวตจะส่งมารักษา เนื่องจาก BH มีชื่อเสียงในการรักษาโรคยากซับซ้อน และมีฐานคนไข้ตะวันออกกลางสูงที่สุดในกลุ่ม โดยมีรายได้จากคนไข้คูเวตอยู่ที่ราว 5-6% ของรายได้จากการดำเนินงาน
ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจากกลุ่มผู้ป่วยคูเวตเงินสดกลับเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่สามารถเบิกค่ารักษาจากทางภาครัฐ (GOP) ได้จำเป็นต้องมีการรักษาแบบฉุกเฉินเท่านั้น
ในขณะที่ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BCH และบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือหุ้น BDMS มีแนวโน้มขึ้นทะเบียนเป็น ลำดับถัดมา เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลเครือข่ายที่มีความพร้อมในการให้บริการ ประกอบกับ BCH มีจุดเด่นในการรักษาแผลเบาหวานที่เท้า
ส่วนบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PR9 เพิ่งจะเริ่มขยายตลาดคนไข้ตะวันออกกลาง จึงมีโอกาสน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม หาก PR9 ไม่ติด 1 ใน 3 แห่ง ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลกระทบค่อนข้างจำกัด เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากคนไข้คูเวตมีสัดส่วนไม่มาก
ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของกลุ่มการแพทย์จะเติบโตโดดเด่น หนุนจากปัจจัยตามฤดูกาลของธุรกิจโรงพยาบาล ที่เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้มีการระบาดของโรคตามฤดูกาลสูง ส่งผลทำให้การเข้ารับบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยชาวไทยเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม การปรับอัตราการบันทึกบัญชีสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ของโรงพยาบาลที่รับประกันสังคม โดย BCH มีการปรับอัตราการบันทึกบัญชีสำหรับรายได้จากสำนักงานประกันสังคมลดลง สำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงในไตรมาส 4/67 อันเนื่องมาจากงบประมาณของสำนักงานประกันสังคมไม่เพียงพอ
ซึ่งจากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุด โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมจะมีการประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางการแก้ไข ก่อนจะมีการเซ็นสัญญากับสำนักงานประกันสังคมสำหรับการให้บริการในปี 2568 โดยคาดว่าจะรู้ผลภายในปีนี้
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิปี 2567 ของบริษัทในกลุ่มการแพทย์ที่ทำการศึกษา 4 บริษัท ได้แก่ BH, BDMS, BCH และ PR9 จะอยู่ที่ 26,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้