เป็นกระแสข่าวครึกโครมอย่างมาก เมื่อบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของไทยได้ประกาศแต่งตั้ง 5 คณะกรรมการทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของ เสกสกล อัตถาวงศ์ เข้าดำรงตำแหน่ง กรรมการอิสระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 นี้
โดย เสกสกล อัตถาวงศ์ เคยดำรงตำแหน่ง อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) และอดีตรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
ทั้งนี้ IRPC ดำเนินธุรกิจปิโตรเลียมและโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ของไทย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ในปี 2567 คาดว่าจะมีกำไรกว่า 1.2 พันล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่ขาดทุน 2,923 พันล้านบาท จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ IRPC ในช่วงครึ่งปีแรก 812 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากกำไรการจำหน่ายน้ำมันเครื่องบิน หรือ Jet A1 ที่เข้ามาสนับสนุน
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินบริษัท โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของปี 2567 จะพลิกมีกำไรได้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 2,512 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่ขาดทุน 2,923 ล้านบาท โดยคงประมาณการกำไรปี 2567-2568 ไว้ก่อน ภายใต้สมมติฐาน กำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด หรือ Market GIM ในปี 2567 ที่ 11.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดีขึ้นจากปี 2566 ที่ 9.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และส่วนตั้งแต่ปี 2568 กำหนดไว้ที่ 12.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รวมถึงสมมติฐานอัตราการเดินเครื่องโรงกลั่นลงที่ 2.0 แสนบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่ปี 2567 (เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 1.90-1.95 แสนบาร์เรลต่อวัน)
ดังนั้นคาดจะเห็นผลการดำเนินงานปี 2567 พลิกกลับเป็นกำไรได้ จากปี 2566 ที่ขาดทุน โดยให้น้ำหนักของผลการดำเนินงานที่จะพลิกฟื้นกลับมาได้อยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยความหวังว่าเศรษฐกิจจีน รวมถึงเศรษฐกิจโลกจะทยอยฟื้นตัวมีการเติบโตได้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
ส่วนของธุรกิจโรงกลั่น คาดสถานการณ์ค่าการกลั่นจะกลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน และมีการแปรผันตามช่วงฤดูกาล ซึ่งจะเป็นช่วง High Season ในช่วงปลายไตรมาส 4 ต่อเนื่องในไตรมาส 1 และอ่อนตัวลงในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 แต่ทั้งนี้หากภาพรวมอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีหลังไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามคาด ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มที่จะทบทวนสมมติฐานและปรับประมาณการ
ทั้งนี้ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานปกติงวดไตรมาสที่ 3 ลุ้นเห็นการฟื้นตัวจากงวดไตรมาสที่ 2 แต่ยังคงเผชิญกับผลขาดทุนอยู่ แต่อาจจะเผชิญผลขาดทุนที่ลดลงจากงวดไตรมาส 2 ของปี 2567 ภายใต้สมมติฐาน Market GIM (Gross Integrated Margin) ในกรอบราว 8-10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยความหวังอยู่ที่การฟื้นตัวของค่าการกลั่น เพราะหากพิจารณาค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ ไตรมาสที่ 3 ถึงปัจจุบัน พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 4.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากค่าเฉลี่ยในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ที่ 3.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อีกทั้งยังสามารถลุ้นช่วงฤดูกาลเฮอริเคน ซึ่งหากมีความรุนแรงอาจส่งผลให้เห็นค่าการกลั่นดีดตัวขึ้นได้ รวมถึงคาดจะได้รับอานิสงส์จาก Crude Premium ในงวดไตรมาสที่ 3 ที่น่าจะเห็นการปรับตัวลดลงจากงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ขณะที่ในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมี ถึงแม้ทิศทาง spread ปิโตรเคมีจะยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของโลกที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เปิดเผยว่า กำไรไตรมาสที่ 3 จะฟื้นตัว เพราะ GRM ดีขึ้น เราคาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจาก GRM ที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เราคาดว่าอุปสงค์ตามฤดูกาลจะช่วยสนับสนุน Crack Spread ของผลิตภัณฑ์ Middle Distillates ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลักๆ คือ PP (56% ของกำลังการผลิตปิโตรเคมีขั้นปลาย) ยังอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม คงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 1,285 ล้านบาท แม้กำไรครึ่งปีแรก คิดเป็น 63% ของประมาณการกำไรปี 2567 ของเราแล้ว แต่เรายังคงประมาณการกำไรไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากความผันผวนของราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบต่อกำไรครึ่งปีหลัง ผ่านทางการวัดมูลค่าสินค้าคงเหลือ เรายังคงมุมมองระมัดระวังต่อตลาดปิโตรเคมีและต้นทุนการดำเนินงานระดับสูงของ IRPC ปรับราคาเป้าหมายลดลงสู่ 1.65 บาท อ้างอิง PBV 0.4 เท่า
คงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ IRPC เนื่องจากเราเชื่อว่าช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว แม้ธุรกิจปิโตรเคมีจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะคอยฉุดรั้งผลประกอบการและราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แนวโน้มที่ดีขึ้นของค่าการกลั่นจะช่วยสนับสนุนกำไรปี 2567 แม้ว่าจะสะดุดลงบ้างในไตรมาสที่ 2 ทั้งนี้ที่ราคาเป้าหมาย 1.65 บาท หุ้น IRPC จะซื้อขายที่ EV/EBITDA ระดับ 6.4 เท่า (ปี 2567) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 10.6 เท่า
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่