ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างหนัก นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง หลังกังวลว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาด อาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้นหรือไม่
สำหรับตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้ ปรับตัวลดลงอย่างหนัก ณ เวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนี NI225 ลดลง 13.47% ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนี KOSPI ลดลง 8.77% ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดัชนี STI ลดลง 4.22% และตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนี HSI ลดลง 1.46%
ส่วนความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดอยู่ที่ 1,274.67 จุด ลดลง 38.41 จุด หรือ -2.93% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าซื้อขายรวม 5.87 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ประเมินแนวรับหุ้นไทยอาจลงไปลึกถึง 1,200 จุด พร้อมแนะนำนักลงทุนให้ติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย ประเด็นการเมืองในประเทศ และการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/67 ของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ให้ความเห็นกับ “Thairath Money” ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกวันนี้ปรับตัวลดลง โดยแรงขายมาจากภาวะความเสี่ยงของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าตลาดคาด โดยเฉพาะภาคแรงงาน ทำให้นักลงทุนกังวลว่ามีโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น
พร้อมกันนี้ ด้วยภาพดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องใช้ “ยาแรง” โดยมีโอกาสพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% มากกว่าที่ตลาดเคยคาดไว้ที่ 0.25% ทำให้ค่าเงินมีความผันผวนมากขึ้น จึงทำให้เกิดแรงขายในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงก่อน
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวลดลงมาราว 2% หลุดจุดต่ำสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 1,280 จุด มองว่าเป็นโมเมนตัมของ “Panic sell” เข้ามาส่วนหนึ่ง ในเชิงสัญญาณทางเทคนิค ประเมินว่าแนวรับของดัชนีตลาดหุ้นไทย จะอยู่ที่จุดต่ำสุดเดิมก่อนหน้านี้ในโซน 1,200 จุด ซึ่งถือเป็นแนวรับที่มีนัยสำคัญ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและยังมีเม็ดเงินอยู่ แนะนำให้รอแรงขายในรอบนี้เบาลงกว่านี้ก่อน โดยสังเกตจากราคาหุ้นหรือดัชนีเริ่มแกว่งตัวออกข้าง ถือเป็นโอกาสสะสมหุ้นที่อิงกับสัญญาณของทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ หรือหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ เช่น กลุ่มสื่อสาร, กลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
ส่วนนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไร แนะนำให้หาจังหวะเข้าซื้อเพื่อรอโอกาสเด้งกลับเป็นรอบๆ ที่บริเวณ 1,250 จุด โดยมองว่าการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างหนัก และเป็นขาลง มักเห็นโอกาสของการรีบาวด์เกิดขึ้นได้
“ดัชนีตลาดหุ้นไทยลงมาแบบนี้ อยู่ในระดับที่ไม่แพงแล้ว เพียงแต่ว่าต้องรอความเชื่อมั่นของตลาด และรอแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังไม่ได้หมดลงก่อน” วิจิตร กล่าว
วิจิตร กล่าวอีกว่า แนะนำนักลงทุนให้ติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย และปัจจัยในประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/67 ที่จะออกมาหลายบริษัทในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ซึ่งหากทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาด อาจเป็นปัจจัยหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวขึ้นได้
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามประเด็นทางการเมือง ทั้งคดีการยุบพรรคก้าวไกล ที่จะมีการวินิจฉัยในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ และคดีการถอดถอน "เศรษฐา ทวีสิน" จากการเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่ามีนัยสำคัญอย่างมาก เนื่องจากอยู่ในช่วงการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้