หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด EA ปิด 3.82 บาท บวก 0.22 บาท, CPF ปิด 23.10 บาท ลบ 0.90 บาท, DELTA ปิด 103.50 บาท บวก 1.50 บาท, PTTEP ปิด 151 บาท บวก 4 บาท, CPALL ปิด 58 บาท ลบ 0.25 บาท
“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ มองทิศทางตลาดหุ้นไทย เดือนสิงหาคม การแกว่งตัวของดัชนีจะกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม ส่วนหนึ่งจากปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ที่เข้ามากระทบกับภาคตลาดมากขึ้น ประเมินแนวรับของดัชนีที่ 1,300 จุด-1,270 จุด ส่วนแนวต้านประเมินที่ 1,340-1,370 จุด
สำหรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ออกมาล่าสุดนั้น มีทิศทาง Dovish และน่าจะทำให้การลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนมีความเป็นไปได้สูงมากแล้ว แม้จะเป็นปัจจัยที่ตลาด Price in ไปแล้ว 100% แต่มองว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสภาพคล่องโลกได้ เช่น เม็ดเงินที่คงค้างอยู่ในบัญชี FCD มีโอกาสไหลออกย้อนกลับมาเข้าตลาดทุนไทยมากขึ้น
รวมไปถึงท่าทีของธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (รวมถึง ธปท.) ที่น่าจะเริ่มหันมาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 หากเป็นจริง คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในช่วงดังกล่าวได้ไม่ยาก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือนสิงหาคม กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุน คือ กลุ่มหุ้นโรงกลั่นที่ Valuation ลงมาต่ำมาก และเตรียมผ่านพ้นจุดต่ำสุดของ Earnings ในช่วงไตรมาส 2 ได้แก่ TOP, BCP, SPRC
กลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าที่ราคาหุ้นรับข่าวการตรึงค่า Ft ไปแล้ว และได้ Sentiment เชิงบวกจากการปรับลงของ Bond yield ได้แก่ GULF, GPSC, BGRIM, กลุ่มส่งออกทีี่ยอดการส่งออกเดือนล่าสุดอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ได้แก่ STA, NER, TEGH, COCOCO, AAI, ITC, TU, GFPT, CPF, KCE
ปิดท้ายหุ้นโรงพยาบาลที่มี Low beta เหมาะสำหรับการ Hedging ปัจจัยการเมืองในประเทศ และยังเตรียมเข้าสู่ช่วง High season ในไตรมาส 3 ได้แก่ BDMS, BH, BCH, CHG!!
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม