นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า บทสันนิษฐานว่าเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ตามมาตรา 243 และมาตรา 244 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ปี 35 และการนำอายุความฟ้องคดีอาญามาใช้บังคับกับฟ้องคดีแพ่ง เพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนว่า ก.ล.ต.มีอำนาจตามกฎหมายและนำบทบัญญัติตามกฎหมายมาบังคับใช้กับผู้กระทำผิดได้ ซึ่งทำให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค.60-30 มิ.ย.67 ก.ล.ต.ได้ดำเนินคดีอาญา โดยกล่าวโทษผู้กระทำผิดรวม 156 คดี มีผู้ถูกกล่าวโทษ 558 ราย และดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 62 คดี ผู้กระทำผิด 246 ราย แบ่งเป็นค่าปรับทางแพ่ง 1,567.70 ล้านบาท และชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด 194.32 ล้านบาท กรณีที่ผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งนั้น ก.ล.ต.ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาล 18 คดี ในฐานความผิด เช่น ซื้อขายหุ้นโดยรู้ข้อมูลภายใน และการสร้างราคาหุ้นโดยมี 5 คดีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว อีก 5 คดีที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาแล้ว ซึ่งทั้ง 10 คดีศาลได้พิพากษาให้ ก.ล.ต. ชนะ อีก 8 คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่