วันนี้ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสจะเขียวปี๋เต็มกระดานเสียที เมื่อ มาตรการกำกับการขายชอร์ตและโปรแกรมเทรดดิ้ง ของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่ 1 กรกฎาคม หลังจากที่หุ้นไทยถูกต่างชาติเทขายอย่างหนักมาตั้งแต่ต้นปีกว่า 1.1 แสนล้านบาท มิถุนายนเดือนเดียวต่างชาติเทขายต่อเนื่องถึง 26 วัน มูลค่ารวมกว่า 49,000 ล้านบาท เป็นการขายที่ยาวนานที่สุดรองจากวิกฤติต้มยำกุ้งที่ต่างชาติขายต่อเนื่องถึง 27 วัน
ก็หวังว่าหุ้นไทยจะได้โอกาสฟื้นตัวเสียที ต่างชาติที่ขายชอร์ตไว้และยังไม่ได้ซื้อคืน ควรจะได้บทเรียนซื้อคืนในราคาที่แพงกว่าเดิม เพื่อจ่ายคืนให้นักลงทุนไทย
มาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต ที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มใช้วันนี้ เริ่มตั้งแต่ “การปรับปรุงคุณสมบัติของหุ้นในกลุ่มที่ไม่ใช่ SET100 ที่สามารถขายชอร์ตได้” โดยจะให้เป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง หุ้นที่สามารถขายชอร์ตได้ต้องมี Market Cap เฉลี่ย 3 เดือน ไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาทขึ้นไป และ มีค่าเฉลี่ยของปริมาณการซื้อขายหมุนเวียนต่อเดือนในรอบ 12 เดือนไม่ต่ำกว่า 2% รวมทั้ง ต้องมีการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ไม่น้อยกว่า 20% ของทุนที่ชำระแล้ว
ตลาดหลักทรัพย์ฯจะประกาศ “รายชื่อกลุ่มหลักทรัพย์ที่ขายชอร์ตได้” ตามเกณฑ์ใหม่ ผ่านทางเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ยังมีการ “ปรับปรุงเกณฑ์ราคาขายชอร์ต” โดยกำหนดให้ “ราคาเสนอขายชอร์ต” ต้องเป็น ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) จากเดิมที่ให้เสนอขายชอร์ตได้ในราคาที่เท่ากับ หรือสูงกว่าราคาขายครั้งสุดท้าย (Zero–Plus Tick)
อธิบายง่ายๆก็คือ เดิมตลาดให้ขายชอร์ตแบบ Zero–Plus Tick เช่น หุ้น A ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 10 บาท เทรดเดอร์สามารถขายชอร์ตได้ที่ราคา 10 บาททันที ส่งผลให้ ราคาหุ้นลงต่อเนื่อง ผู้ซื้อก็ไม่อยากซื้อ เพราะเห็นมีแรงขายเข้ามาจำนวนมาก กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นลดลง ทำให้นักลงทุนรายย่อยไม่กล้าเข้าซื้อ
เมื่อ เปลี่ยนกฎใหม่เป็นแบบ Uptick ทำให้ หุ้น A มีราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายที่ 10 บาท เทรดเดอร์ไม่สามารถเสนอขายชอร์ตได้ที่ราคา 10 บาททันที ต้องรอให้ฝั่งเสนอขาย (Offer) เสนอขายในราคาที่สูงขึ้น เช่น 10.10 บาท หรือสูงกว่านั้น ฝ่ายชอร์ตจึงจะสามารถขายชอร์ตได้ ทำให้การเสนอขายชอร์ตถูกจำกัดราคาเสนอขายโดยฝั่งเสนอขายที่เสนอราคาขายสูงกว่าราคาขายล่าสุด ทำให้แรงกดดันต่อราคาหุ้นลดลง มาตรการนี้ จะช่วยให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น และ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะมั่นใจว่าหุ้นที่ซื้อจะไม่ถูกชอร์ตในราคาขาลง นักลงทุนจะรู้สึกปลอดภัยในการลงทุนมากขึ้น
วันนี้คงได้เห็น มาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต จะสามารถสร้างอภินิหาร ทำให้ราคาหุ้นเขียวทั้งกระดานได้หรือไม่ ดัชนีราคาหุ้นจะดีดขึ้นมาหรือไม่ เพราะแรงกดดันหายไป
มาตรการสำคัญอีกมาตรการหนึ่งที่มีผลใช้บังคับในวันนี้ก็คือ “มาตรการกำกับดูแลโปรแกรมเทรดดิ้ง” โดยกำหนดให้ “ผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายด้วยความเร็วสูง (High Frequency Trading : HFT)” หรือ “ผู้ใช้ Program Trading” ต้องมีการ “ขึ้นทะเบียนก่อนเริ่มใช้งาน” เพื่อยกระดับการกำกับดูแลผู้ลงทุนกลุ่มดังกล่าวให้เข้มงวดขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังจะใช้ “มาตรการลงโทษทางสังคม” คือเผยแพร่ข้อมูลของ “ผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม” ให้บริษัทสมาชิกทราบ ต่อไปนี้ใครปั่นหุ้นจะถูกแฉให้รู้กันทั่ว ขาใหญ่นักสร้างราคาจะได้ปั่นหุ้นไม่ถนัดมือ หรือจับเสือมือเปล่า
ทั้งหมดนี้ถือเป็น ข่าวดีของนักลงทุนไทย และ บริษัทจดทะเบียน นักลงทุนรายย่อยก็ชีช้ำติดดอยกันมานาน แบกหุ้นจนหลังแอ่น บริษัทจดทะเบียนที่หุ้นถูกกดราคาจนต่ำกว่ามูลค่าจริง ก็จะได้เงยหน้าอ้าปากเสียที บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กซื้อหุ้นคืนเพื่อคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้น แต่บริษัทไทยเจ้าของต้องซื้อหุ้นคืนเพื่อรักษาราคาหุ้น จากนี้ไปจะได้เปลี่ยนเกมเสียที.
“ลม เปลี่ยนทิศ”