นักลงทุนต่างมองหาโอกาสในการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เติบโตและมั่นคง หนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูงและน่าสนใจ คือ ตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากหลายปัจจัยที่สำคัญ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน ชี้ให้เห็นว่า บริษัทหลายแห่งในยุโรป มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากตลาดโลก นอกจากนี้ หุ้นยุโรปยังมีมูลค่าและการเติบโตที่น่าสนใจ แต่ยังไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก ทำให้เป็นโอกาสที่ดี ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ
Jamie Mills O'Brien, Investment Director, Global Equities, Developed Market Team บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นยุโรป มีโอกาสในการเติบโตได้อีกมากในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยบริษัทหลายแห่งมีสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากตลาดโลก (Global Market) ซึ่งไม่ได้พึ่งพิงเศรษฐกิจในยุโรปเพียงอย่างเดียว
ปัจจุบันหุ้นยุโรปที่มีคุณภาพ และมีปัจจัยพื้นฐานดี ยังมีมูลค่า (Valuation) และการเติบโตของผลตอบแทนที่น่าสนใจ ขณะที่นักลงทุนยังไม่ให้น้ำหนักมากนัก จึงมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนตลาดหุ้นยุโรป ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนในระดับสูงกว่าตลาดหุ้นอื่น (Outperform)
ทั้งนี้ อเบอร์ดีน กำหนดกลยุทธ์มุ่งเน้นการลงทุนในระยะยาว โดยใช้การค้นหาหุ้นในธีมระดับโลกที่น่าดึงดูดใจที่สุด ขณะเดียวกันมองว่าบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงการเติบโต และมีมูลค่ากิจการราว 5-100 พันล้านดอลลาร์นั้น มีความน่าสนใจ เนื่องจากจะสามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้อีกมากในอนาคต
พร้อมกันนี้ มุ่งเน้นธีมการลงทุนไปที่กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตของโครงสร้างที่สำคัญ เช่น เทคโนโลยี, ปัญญาประดิษฐ์ สุขภาพ วิวัฒนาการด้านพลังงาน นวัตกรรมการดูแลสุขภาพ โลกาภิวัตน์ 3.0 เป็นต้น
Jamie ชี้ให้เห็นว่า บริษัทในตลาดหุ้นยุโรปหลายแห่งมีความน่าสนใจ โดยยกตัวอย่างหุ้นของ BE Semiconductor Industries (BESI) บริษัทข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจออกแบบและผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำ คาดว่าจะมีการเติบโตได้อีกมากในอนาคต สอดคล้องกับเทรนด์การพัฒนาเทคโนโลยี แต่นักลงทุนยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
ดังนั้น อาจทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุน มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต สอดคล้องกับราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น เพราะธุรกิจดังกล่าวอยู่ในช่วงของเทรนด์การเติบโต ทำให้มีความได้เปรียบ หากเทียบกับการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคยมีประสิทธิภาพเหนือกว่าตลาดอื่นๆ ด้วย 3 ปัจจัยหลัก คือ การทำมาตรการ QE, อัตราดอกเบี้ยที่สูง และการเติบโตของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่ทิศทางหลังจากนี้ มองว่าสถานการณ์อาจไม่เอื้อแบบนั้นต่อไป โดยมองว่าหุ้นในกลุ่ม 7 นางฟ้า ที่เคยเติบโตโดดเด่น จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงด้วย
พงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนในตลาดตราสารทุน ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจที่ระดับมากกว่า 10% โดยมองว่าตลาดหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่า เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่กำลังพัฒนา
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรป มีความน่าสนใจในการลงทุน โดยประเมินว่าเศรษฐกิจยุโรปจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งที่ระดับ 1-3% จากการบริโภค และภาคการผลิต ที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ ยุโรปยังมีการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันราคาหุ้นยังไม่สะท้อนถึงพัฒนาการดังกล่าว
นอกจากนี้ การลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ก็มีโอกาสในการได้ผลตอบแทนสูงที่ระดับ 5-7% เช่นเดียวกัน จากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูงสุด ก่อนเข้าสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ใน 1 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำ จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวน้อยกว่าคาด โดยมองว่าการลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐฯ ระยะสั้น 1-3 ปี ในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสูง จะให้ผลตอบแทนที่ดีเหมาะสมกับระดับความเสี่ยง
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้