MAGURO เทรดวันแรกฟอร์มดี ราคาพุ่ง 44% ลุยแตกแบรนด์ ย้ำไม่ใช่แค่ร้านอาหาร “ญี่ปุ่น-เกาหลี”

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

MAGURO เทรดวันแรกฟอร์มดี ราคาพุ่ง 44% ลุยแตกแบรนด์ ย้ำไม่ใช่แค่ร้านอาหาร “ญี่ปุ่น-เกาหลี”

Date Time: 5 มิ.ย. 2567 14:25 น.

Video

สาเหตุที่ทำให้ Intel อดีตยักษ์ใหญ่ชิปโลก ล้าหลังยุค AI | Digital Frontiers

Summary

  • MAGURO เปิดเทรดวันแรก 23.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.10 บาท หรือ +44.65% ผู้บริหารชี้กระแสความสนใจของนักลงทุนแรงตั้งแต่เริ่มเปิดจองซื้อ ลุยขยายสาขา-แตกแบรนด์ใหม่ สร้างการเติบโต

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO หุ้นร้านอาหารญี่ปุ่นน้องใหม่ เปิดการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่ 23.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.10 บาท (+44.65%) และปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ราคา 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 6.40 บาท (+40.25%) จากราคาเสนอขายไอพีโอที่ 15.90 บาท


โดยบริษัทประกอบธุรกิจร้านอาหาร ระดับพรีเมียมแมส เจ้าของแบรนด์ มากุโระ, SSAMTHING TOGETHER และ ฮิโตริ ชาบู บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายสาขาทั้งแบรนด์เดิมและแบรนด์ใหม่ และใช้เพื่อติดตั้งและปรับปรุงเทคโนโลยีสารสนเทศ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท


เอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า สำหรับราคาหุ้นวันนี้ ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน สะท้อนจากกระแสความสนใจของนักลงทุนแรงตั้งแต่เริ่มเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ


ทั้งนี้ มองว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้คนรู้จักมากขึ้น ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการขยายตลาดใหม่ๆ ต่อเนื่อง และเงินที่ได้จากการระดมทุนทำให้บริษัทสามารถขยายสาขาใหม่ และแบรนด์ใหม่ได้อีกด้วย


ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าหมายในการเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 สาขาต่อปี โดยปีนี้มีแผนเปิดเพิ่ม 11 สาขา ซึ่งมีพื้นที่รองรับทั้งหมดแล้ว ทั้งพื้นที่ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนสาขาละ 13-25 ล้านบาท


พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งเป้าเปิดแบรนด์ใหม่เพิ่มปีละ 1 แบรนด์ ถือเป็นกลยุทธ์สนับสนุนการเติบโต เพื่อจับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และสร้างทางเลือกให้กลุ่มลูกค้าในฐานเดิม ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะเห็นว่าปัจจุบันผู้บริโภคมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งน้อยลง เมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีก่อน และสามารถเข้าถึงแบรนด์ใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย


นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีความรู้ในเชิงลึกในทุกแขนงของศาสตร์ด้านอาหาร เพื่อรังสรรค์เมนูให้กับแบรนด์เดิมและแบรนด์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


“เราอาจจะเห็นมากุโระเติบโตไปในหลากหลายรูปแบบอาหาร ไม่ใช่แค่อาหารเอเชีย ญี่ปุ่น เกาหลี เท่านั้น ซึ่งแบรนด์ใหม่นี้ จะแตกต่างจากความเป็นเกาหลี-ญี่ปุ่น” เอกฤกษ์ กล่าว


เอกฤกษ์ กล่าวอีกว่า การถือหุ้นของกองทุนลอมบาร์ด เอเชีย ภายใต้ชื่อ “Holistic Impact Pte.Ltd” นั้น เป็นการถือหุ้นแบบพันธมิตรทางธุรกิจ หรือ strategic partner ซึ่งเข้ามามีส่วนร่วมในการแนะนำ และให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ กับบริษัท โดยมองว่าเป็นกองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว และมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง


ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ระบุว่า ประเมินกำไรของบริษัทอยู่ในช่วงขาขึ้น คาดจะเติบโตสูงกว่ากลุ่มร้านอาหารอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทตั้งเป้าขยายสาขา รวม 11 แห่งในปีนี้ จากแบรนด์เดิมและแบรนด์ใหม่


ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 104 ล้านบาท เติบโต 43.5% จากปีก่อน และกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 182 ล้านบาท เติบโต 74.7% จากปีก่อน และประเมินราคาเหมาะสมที่ 22.20 บาท อิง P/E ปี 2567 ที่ระดับ 27 เท่า

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ