เริ่มฟื้นตัวแล้วสำหรับ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG หลังจากใช้กลยุทธ์การยืนราคาขาย เครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” ที่ 10 บาท ส่งผลให้บริษัทกลับมาครองส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทย ที่ 25% หรือ 1 ใน 4 ของตลาดทั้งหมด อยู่ในอันดับที่ 2 นอกจากนี้ ยอดขายเบียร์มีทิศทางที่ฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลสำคัญให้เกิดการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า การประชุมวานนี้ ผู้บริหารบริษัทคาดว่าส่วนแบ่งตลาดกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังสำหรับตลาดในประเทศจะเพิ่มขึ้น จาก เม.ย. ที่ 24.1% เป็น 25% ได้ หลังปรับกลยุทธ์การขายและการปรับลดสต๊อกจาก Distributor ลง
ประกอบกับราคาขายที่ 10 บาท ยังเป็นแรงส่งต่อยอดขาย ส่วนตลาดต่างประเทศ คาดจะทรงตัวถึงเพิ่มเล็กน้อย โดยตลาดหลักอย่างกัมพูชา ที่กินสัดส่วนการส่งออก 60% คาดจะดีขึ้นจากตัวแทนผู้จัดนำหน่าย มีการจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย
รวมถึง เวียดนาม ที่กิน 5-6% ของตลาดส่งออก บริษัทจะทำการตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น ขณะที่ พม่า กินสัดส่วน 20% ของตลาดส่งออก ยังมีปัญหาการเมืองภายใน ส่วนจีนนั้น บริษัทแจ้งว่าอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ คาดจะทราบผลในไตรมาสที่ 3 นี้
ด้านตลาดเบียร์คาดว่ายอดขายจะฟื้นจากไตรมาสที่ 1 ช่วงสงกรานต์ และเน้นขยายช่องทางการขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นนั้นคาดไตรมาสที่ 2 ยังฟื้นตัวจากไตรมาสแรก จากต้นทุนหลักส่วนใหญ่ทรงตัว เนื่องจากมีการล็อกราคาล่วงหน้าแล้ว แต่จะเริ่มทยอยเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง เราคาดการณ์การดำเนินงานปี 2567 จะฟื้นตัวได้ 2 หลักทั้งยอดขาย และกำไรจากการปรับกลยุทธ์การขาย รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งจะช่วยยอดขายทั้งในและ ตปท. รวมถึงแนวโน้มต้นทุนการผลิตที่ลดลง
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา บริษัทกำไรสุทธิ 628 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% จากปีก่อน จาก ยอดขายเพิ่มขึ้น 19.7% จากปีก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล 1) กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ตนเองยอดขาย 2,838 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของยอดขาย เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน
ตลาดในประเทศเติบโต 13% จากปีก่อน และยังคงราคาขายปลีกที่ 10 บาทต่อขวด แต่ตลาดต่างประเทศ ลดลง 15% ลดลงจากปีก่อน โดยเฉพาะ CLMV เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 39% จาก 34% จากต้นทุนพลังงานลดลง
ธุรกิจจัดจำหน่ายให้บุคคลภายนอก ยอดขาย 1,823 ล้านบาท คิดเป็น 37% ของยอดขาย เพิ่ม 24% จากปีก่อน จากความหลากหลายของสินค้า รวมถึงเริ่มจำหน่ายเบียร์คาราบาว และตะวันแดง ตั้งแต่ พ.ย. 66 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 9% จาก 10% จากการขายเบียร์เพิ่มขึ้น
ธุรกิจว่าจ้างภายนอกผลิตยอดขาย 72 ล้านบาท คิดเป็น 1% ของยอดขาย เพิ่มขึ้น 52% จากปีก่อน หลังมาจำหน่ายกาแฟกระป๋อง RTD สูตรใหม่ตั้งแต่ ธ.ค. 66 รวมถึงน้ำดื่มจากการขาย เข้าร้านค้าปลีกซีเจ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 17% จาก 13% จากยอดขายเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม บล.คาด การกลับมาปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในธุรกิจหลัก ช่วยให้การดำเนินงานกลับมาฟื้นตัว ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่ลดลง เรามองว่า บริษัทต้องแก้เกม ทั้งช่องทางการขายให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อช่วยให้ CBG จะได้ประโยชน์ไปด้วยทั้งจากธุรกิจจัดจำหน่าย และการผลิตบรรจุภัณฑ์ และจะเป็นส่วนเพิ่มต่อประมาณการ เราคาดแนวโน้มราคาหุ้นจะกลับมาซื้อขายบน P/E 28-30 เท่า ได้จากแนวโน้มการดำเนินงาน ที่กลับมาขยายตัว ราคาเหมาะสมเบื้องต้น 75 บาท