LTS กู้ชื่อหุ้นไอพีโอ เปิดเหนือจอง 96% “เซียนฮง” โผล่ถืออันดับ 4  เจาะอนาคตโตแรง

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

LTS กู้ชื่อหุ้นไอพีโอ เปิดเหนือจอง 96% “เซียนฮง” โผล่ถืออันดับ 4 เจาะอนาคตโตแรง

Date Time: 17 พ.ค. 2567 12:59 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ (LTS) เข้าทำการซื้อขายครั้งแรก ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ พบว่า ราคาหุ้น เปิดการซื้อขายที่ 5.90 บาท จากราคาจองซื้อที่ 3.00 บาท เหนือราคาจองซื้อ 96%


โดย LTS ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่าย ออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง ในรูปแบบ smart pole, smart home automation โดยการออกแบบระบบส่องสว่างได้นำรูปทรงสถาปัตยกรรมของอาคารมาเป็นแนวความคิดในการออกแบบ เพื่อให้เกิดความงดงามและมีเอกลักษณ์ประจำอาคาร หรือการรับติดตั้งระบบส่องสว่างให้แก่อาคารที่อยู่อาศัยทั้งบริเวณภายในและภายนอกอาคาร เช่น ห้างสรรพสินค้า คอนโด รีสอร์ต และโรงแรม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานว่า ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ พบ เซียนฮง  สถาพร งามเรืองพงศ์ นักลงทุน VI ชื่อดัง เข้าถือหุ้นอันดับที่ 6 จำนวน 4 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.94% ของหุ้นทั้งหมดด้วย 

โดยพอร์ตการลงทุนของเซียนฮงเวลานี้ มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 3.1 พันล้านบาท ถือหุ้นชื่อดังมากมาย เช่น DITTO, BE8, MALEE เป็นต้น 


บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ LTS รายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 244 ล้านบาท ยังมีขนาดธุรกิจที่เล็กเมื่อเทียบกับรายใหญ่ในตลาดหลอดไฟและโคมไฟอย่าง L&E ที่มีรายได้ต่อปีเกือบ 3 พันล้านบาท 


แต่หากพิจารณาในด้านกําไรสุทธิ LTS ถือว่ามีพัฒนาการต่อเนื่อง โดยมีกําไรสูงสุดที่ 31 ล้านบาท ในปี 2566 ดีที่สุดในกลุ่มเมื่อเทียบกับธุรกิจจําหน่าย หลอดไฟ และโคมไฟ ที่จดทะเบียนในตลาด SET และ mai เนื่องจากการให้บริการแบบครบวงจร และเสริมด้วยบริการด้าน IT Solution ของตัวเอง ทําให้ความสามารถในการทํากําไรสูงกว่ากลุ่มทั้ง GPM และ NPM ด้วยฐานรายได้ที่ยังต่ำ ซึ่งคาดการณ์จะยัง

อย่างไรก็ตาม ด้วยฐานลูกค้ากลุ่มสถาปนิกเป็นรายได้ประจํา 140 ล้านบาทต่อปี แต่ยังเติบโตได้จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐฯ ขณะที่ตัวเร่งการเติบโตจากการขายสินค้าที่เพิ่มมูลค่า เช่น Smart Street Light และ Smart Pole เนื่องจาก 1 เสา สามารถให้บริการได้หลากหลายตามต้องการ ทําให้ลดจํานวนเสา และสายไฟ ซึ่งคาดการณ์รายได้ในปี 2566 – 2569 เติบโตเฉลี่ย 38% แต่คาดการณ์กําไรเติบโตสูงกว่าที่ 47.2% ต่อปี เนื่องจากงานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมต่อ IoT จะมีอัตรากําไรสูงกว่า และหลัง IPO รับ งานขนาดใหญ่มากขึ้นได้ โดยที่ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ในอัตราที่น้อยกว่าให้มูลค่าพื้นฐาน 4.18 บาท

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ