ยังไร้ผู้ลงสมัคร สำหรับการเปิดรับสมัครผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนใหม่ แทน ภากร ปีตธวัชชัย ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนปัจจุบันที่จะหมดวาระลง ในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้
แม้ตลาดหลักทรัพย์จะมีประกาศรับสมัครผู้จัดการคนใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ก็ยังไร้วี่แววของผู้ที่ยื่นใบสมัคร จนต้องขยายเวลารับสมัครไปถึงวันที่ 15 พ.ค.นี้ เมื่อหันมาพิจารณาความท้าทายของผู้จัดการคนใหม่ ต้องบอกเลยว่า งานนี้ไม่ง่าย เพราะต้องเผชิญกับวิกฤติความเชื่อมั่น ทั้งในด้านธรรมาภิบาล และระบบการซื้อขาย แถม “หุ้น” สินค้าในตลาดเวลานี้ อาจไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกต้องการซื้อ
ภาพดังกล่าวถูกตอกย้ำจากมุมมองของ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กับความท้าทายของผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ ที่ต้องเร่งแก้โจทย์ให้เร็วที่สุด
โดย ดร.กอบศักดิ์ เปิดเผยว่า ความท้าทายของผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ในภาวะปัจจุบันนั้นมีหลายด้าน โดยด้านหลักๆ ที่จะต้องรีบเข้ามาจัดการ คือ การฟื้นความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน และพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ที่เหมือนกับเวลานี้ หุ้นที่ถูกจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยไม่ได้อยู่ในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ
“ความท้าทายของผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่นั้นมีหลายส่วน ตอนนี้เราอยู่ในจุดสำคัญมากๆ ที่จะสร้างจุดเด่นใหม่ให้กับตลาดหุ้นไทย และในเวลาเดียวกันต้องสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนรายย่อยด้วย”
โดยปัญหาที่มีอยู่ในตอนนี้ที่ต้องเร่งแก้ไข คือ การสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ลงทุน ซึ่งในปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า กรณีการกระทำความผิดในตลาดหุ้น ทั้งในเรื่อง บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE., บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) STARK ที่สร้างความเสียหายกับนักลงทุนรายบุคคล เกิดผลกระทบให้มูลค่าการซื้อขายนั้นปรับตัวลดลงอย่างหนัก
นอกจากนี้ยังเผชิญปัญหาความเชื่อมั่นในการซื้อขายหุ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ShortSell หรือการใช้โปรแกรมเทรดแบบ HFT รวมถึงความกังวลเรื่อง Naked Short ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ได้มีการออกมาตรการเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับมา ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่จะมีมาตรการเข้ามาเพิ่มเติมด้วย
และเมื่อถอยออกมา เทียบความสนใจระหว่างประเทศไทยกับตลาดหุ้นทั่วโลก จะพบว่าเรามีสัดส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 30% อยู่ในกลุ่ม ปตท. ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมพลังงาน หรืออุตสาหกรรมที่โลกไม่สนใจ ดังนั้นเราจะทำอย่างไรให้โดดเด่นในสายตานักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
ซึ่งกระแสปัจจุบันโลกให้ค่ากับหุ้นอิงเทคโนโลยี หรือนวัตกรรม ซึ่งเราต้องหาวิธีการสนับสนุนให้มีสัดส่วนของหุ้นในกลุ่มนี้ในตลาดหุ้นไทย ซึ่งเราควรใช้จุดเด่นที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมากผ่าน FDI ต้องหาวิธีการว่า จะทำอย่างไรให้เขาเลือกที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยด้วย
ตลาดหุ้นไทยมีหุ้นจำนวนมากที่ไม่มีสภาพคล่อง หรือหุ้นที่ไม่มีการซื้อขาย หุ้นเล็กหลายตัวเข้าตลาดหุ้นมาคึกคักแค่ในช่วงแรกๆ หลังจากนั้นราคาปรับลดลง นักลงทุนรายบุคคลเข้าไปติดหุ้นและออกจากตลาดจำนวนมาก ทำให้เราต้องมีดูกันว่า การกำหนดวิธีการ หรือการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือการตั้งเคพีไอในการทำงานนั้น หลังจากนี้ควรจะโฟกัสในด้านไหน