หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด CPALL ปิดที่ 57.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท, KBANK ปิด 130.50 บาท บวก 1 บาท, PTTEP ปิด 156.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, BDMS ปิด 29 บาท บวก 0.25 บาท, KTB ปิด 16.80 บาท บวก 0.20 บาท
บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีโอกาสแกว่งตัว Sideway มีแรงกดดันจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเปิดเผย GDP ในไตรมาส 1/67 ขยายตัวเพียง 1.6% เป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี และต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.4% จึงแนะให้จับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม
ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีประเด็นบวกจากตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมยกระดับเกณฑ์การซื้อขายใหม่ โดยเฉพาะการใช้มาตรการพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดราคาทำชอร์ตเซลด้วยราคาสูงกว่าราคาครั้งสุดท้าย เพื่อไม่ให้เกิดการดัมพ์ราคา (Uptick Rule) และการมี รมว.คลังที่ปรับใหม่ คาดว่าจะมาดูแลโครงการ Digital Wallet และปรับโครงสร้างภาษี จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,330-1,380 จุด
ส่วนประเด็นลบมาจากกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกของไทยเดือน มี.ค.67 มีมูลค่า 24,960.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (892,290 ล้านบาท) หดตัว 10.9% YoY มากกว่าที่ตลาดคาด -4% ถึง -5.9% จึงส่งผลให้การส่งออกไทยไตรมาส 1/67 หดตัว 0.2% YoY ทั้งนี้ การส่งออกที่หดตัวมากกว่าที่คาด ส่งผลให้กระทรวงการคลังปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 67 เหลือ 2.4% ลดลงจากประมาณการเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 2.8%
ขณะที่ยังคงต้องจับตาปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นการลงทุนต่อเนื่อง เช่นจีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือน เม.ย. อียู รายงาน GDP ไตรมาส 1/67 และอัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. (ประมาณการเบื้องต้น) สหรัฐฯรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รู้ผลเช้ามืดวันที่ 2 พ.ค.
แนะกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย Digital Wallet ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ได้หาเสียงไว้ หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่ หุ้น CPALL, BJC, CRC, DOHOME, GLOBAL และ HMPRO!!
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม