นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ แถลงความคืบหน้าคดีฉ้อโกง บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) มูลค่า 14,000 ล้านบาท ว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ดำเนินคดีนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตซีอีโอ STARK กับพวกข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดย ปปง.ได้ส่งสำนวนคดีสตาร์คมาให้สำนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อขอให้ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งริบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดิน 16 รายการ มูลค่า 355 ล้านบาท ซึ่งอัยการฯได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินไปแล้ว คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลแพ่ง ซึ่งตนได้ตั้งคณะกรรมการให้ร่วมกันพิจารณาและดำเนินคดีในชั้นศาล ล่าสุดวันที่ 23 เม.ย. สำนักงาน ปปง.ได้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ เนื่องจากพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มอีก 14 รายการ มูลค่า 2,890 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดไว้ 3,245 ล้านบาท ตนสั่งให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการชุดเดิม เพื่อยื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งอัยการฯต้องยื่นคำร้องให้ทันวันที่ 12 พ.ค.
ส่วนผู้เสียหายจะมีโอกาสได้ทรัพย์สินคืนหรือไม่นั้น ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯให้ผู้เสียหายใช้สิทธิ์ขอคืนค่าความเสียหายผ่าน ปปง.ได้ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันประกาศราชกิจจานุเบกษา หลังมีการยึดอายัดทรัพย์ไว้ชั่วคราว หากยื่นไม่ทัน ผู้เสียหายสามารถยื่นผ่านศาลได้โดยตรง เมื่อศาลมีคำสั่งให้คืนให้ผู้เสียหาย รายใดเป็นจำนวนเท่าไหร่ เมื่อคดีเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะคืนให้ตาม อัตราส่วนความเสียหายที่แต่ละคนได้รับ กรณีที่ยึดอายัดทรัพย์ได้ต่ำกว่าความเสียหาย 14,000 ล้านบาท ก็ต้องเฉลี่ยกันไปตามอัตรา ส่วนคดีอาญา ขณะนี้อัยการคดีพิเศษได้ยื่นคำฟ้องผู้ต้องหาเป็นจำเลยต่อศาลไปแล้ว มีนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 10 มิ.ย.67 จากนั้นก็จะนัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย ซึ่งทั้งคดีอาญาและคดีฟอกเงิน ที่เกี่ยวกับการริบทรัพย์ หรือขอคืนให้กับผู้เสียหาย จะแยกพิจารณาออกจากกัน.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่