ตลท.ต่อลมหายใจ ซาฟารีเวิลด์ ขยายเวลาออกจากตลาดหุ้นถึงปี 68 แม้ยัง ขาดทุน 462 ล้าน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งข่าวบนระบบสารสนเทศเรื่องการให้เวลา บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SAFARI ดำเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขาย (Resume Stage) ตามที่บริษัทฯ เป็นบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนด้วยเหตุฐานะการเงินและอยู่ในช่วงดำเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขาย ซึ่งครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว 

โดยบริษัทฯ ได้ยื่นขอขยายเวลามายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พิจารณาให้เวลาเพื่อดำเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขาย (Resume Stage) จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568

ทั้งนี้ หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายได้ภายในระยะเวลาข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเสนอคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพิจารณาเพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อไป

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ SAFARI ได้รายงานความคืบหน้าการดําเนินการเพื่อขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ประกาศให้บริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เนื่องจากงบการเงินประจําปี 2549 ที่ผ่านการ ตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี ปรากฏส่วนผู้ถือหุ้นมีค่าต่ำกว่าศูนย์

บริษัทฯ ได้แก้ไขเหตุเพิกถอนดังกล่าวแล้วเสร็จ และอยู่ในช่วง ดําเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขาย บริษัทฯ ขอรายงานความคืบหน้าการดําเนินการแก้ไข คุณสมบัติต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้

สำหรับการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทเป็นแหล่งท่องเที่ยว นันทนาการประเภทสวนสัตว์เปิดและการแสดงที่มีมาตรฐานสากล เมื่อเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ปี 2563-2565 จึงส่งผลกระทบต่อการดําเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทอย่างมีนัยสําคัญ

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้กลับมาเปิดให้บริการ “ซาฟารีเวิลด์” ในรูปแบบปกติสัปดาห์ละ 6 วัน รวมถึงบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง คือ “ภูเก็ตแฟนตาซี” และ “คาร์นิวัลเมจิก” ก็ได้เปิดให้บริการแล้วเช่นกัน แต่ยังคงเป็นการเปิดให้บริการเพียงแห่งละ 3 วันต่อสัปดาห์เนื่องจากจํานวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตยังมีไม่มาก

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในปี 2566 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นตามลําดับ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศอินเดียและตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยเป็นจํานวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ยังคงเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากที่สุด อีกทั้งในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ซาฟารีเวิลด์ได้มีการปรับปรุง/เพิ่มเติมกิจกรรมและจุดสร้างรายได้ต่างๆ มากขึ้น

ทําให้ผลประกอบการของซาฟารีเวิลด์ในปี 2566 ดีขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้งบการเงินรวมของบริษัทฯ ในปี 2566 มีรายได้จากการดําเนินงานรวมจํานวน 2,029.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.9% จากปี 2565 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการดําเนินงานของซาฟารีเวิลด์ และสูงที่สุดนับจากซาฟารีเวิลด์เปิดดําเนินกิจการ อย่างไรก็ดี กลุ่มบริษัทยังคงมีขาดทุนสุทธิสําหรับปี 2566 เป็นจํานวน 462.58 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนลดลง 20.48% จากปี 2565

กลุ่มบริษัทคาดการณ์ว่าทิศทางรายได้ในปี 2567 จะดีขึ้นตามลำดับ จากที่ผ่านมาประเทศไทยเปิดฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน และประเทศอื่นๆ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก เช่น รัสเซีย อินเดีย จะส่งผลดีต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นต่อไป

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขาย บริษัทฯ ยังมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ในการจะขอกลับมาซื้อขายได้ภายในวันที่ 1 เมษายน 2567 โดยเฉพาะเรื่องผลการดําเนินงานสําหรับปี 2566 ที่ยังคงมีขาดทุนสุทธิจํานวน 462.58 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากผลการดําเนินงานของบริษัทย่อยที่ยังขาดทุนอยู่จํานวนมาก เพราะสถานการณ์ท่องเที่ยวของภูเก็ตยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป บริษัทฯ จึงได้ยื่นคําขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาขยายระยะเวลาการดําเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายให้แก่บริษัทฯ ออกไปอีก 1 ปี เป็นวันที่ 31 มีนาคม 2568