สมาคมนักวิเคราะห์ฯ แนะซื้อ “หุ้นนอก” หุ้นไทยโตต่ำ พร้อมหั่นกำไรลง

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สมาคมนักวิเคราะห์ฯ แนะซื้อ “หุ้นนอก” หุ้นไทยโตต่ำ พร้อมหั่นกำไรลง

Date Time: 1 เม.ย. 2567 17:01 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • สมาคมนักวิเคราะห์ (IAA) เผย นักวิเคราะห์ฯ แนะลงทุนหุ้นต่างประเทศมากกว่าหุ้นไทย พร้อมคาดดัชนีไตรมาส 2/67 ที่ 1,447 จุด ปรับลดคาดการณ์กำไรตลาด (EPS) เหลือ 92.92 บาท แนะรัฐเร่งอัดฉีดเศรษฐกิจ-ทำโครงการเก่าต่อให้เสร็จ

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) แถลงผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุนรวม 24 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในไตรมาส 2-4 ของปี 2567 พร้อมแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุน โดยแนะนำลงทุนหุ้นต่างประเทศในสัดส่วนที่มากกว่าหุ้นไทย พร้อมปรับลดคาดการณ์กำไรตลาด (EPS) ลงเหลือ 92.92 บาท แนะรัฐเร่งอัดฉีดเศรษฐกิจ


สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า ความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนเกี่ยวกับการจัดพอร์ด แนะนำการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ให้แบ่งเงินลงทุนไว้ในหุ้นต่างประเทศ หรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 28% รองลงมาลงทุนในหุ้นไทย หรือกองทุนหุ้นไทย 23.46% ตามมาด้วยการแบ่งเงินลงทุนไว้ในกองทุนอสังหา, กอง REIT และทองคำเท่ากันที่ 7.81% และสินทรัพย์อื่นๆ เช่น คริปโตฯ, น้ำมัน 1.04% พร้อมแนะนำให้มีเงินสดหรือเงินฝากระยะสั้น 8.33% ของพอร์ต และมีกองทุนตราสารหนี้ 23.54%


ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ฯ คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2567 ของตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยที่ 92.92 บาท ปรับลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่ 95.62 บาท โดยคาด EPS Growth ของปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 14.31% บนสมมติฐานการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) เฉลี่ยอยู่ที่ 2.80%


อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ฯ 70.83% มองว่า ดัชนีหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 2/67 มีแนวโน้มไปในทิศทางบวก โดยคาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 1,447 จุด แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค เงินทุนหลักทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง และท่องเที่ยว และลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มธนาคารและธุรกิจประกันภัย


เมื่อมองยาวไปจนถึงสิ้นปี 2567 นักวิเคราะห์ฯ มองว่าปัจจัยที่มีผลบวกต่อดัชนีหุ้นไทย คือ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย และเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ตามมาด้วยกระแสเงินลงทุนต่างประเทศ (Fund Flows) และปัจจัยด้านเศรษฐกิจต่างประเทศทั้ง อเมริกา ยุโรป เอเชีย ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลในด้านลบต่อตลาดทุนไทยในขณะนี้จนถึงสิ้นปี 2567 มีเพียงปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ 


นอกจากนี้ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ได้สอบถามความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน เกี่ยวกับข้อเสนอแนะว่ารัฐบาลควรมีนโยบายเรื่องใดที่มีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ คุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณ ส่วนใหญ่เสนอให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แยกเป็น 61.85% ของผู้ตอบ เสนอให้เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาครัฐที่หนุนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ เดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของเก่าที่ยังค้าง เช่น EEC, Aiport Link และท่าเรือน้ำลึก


ขณะที่ผู้ตอบจำนวน 29.63% เสนอนโยบายช่วยเหลือภาคประชาชน ได้แก่ การลดภาระหนี้ภาคครัวเรือน กระตุ้นการจ้างงานพร้อมกับพัฒนาแรงงานฝีมือ และมาตรการเพิ่มกำลังซื้อ (ช้อปช่วยชาติ) ที่กระจายช่วงเวลาใช้ ไม่กระจุกในช่วงเวลาสั้นเกินไป


และ 18.52% ของผู้ตอบเสนอด้านการช่วยเหลือภาคธุรกิจ ได้แก่ นโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยว ดึงความน่าสนใจท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อเพิ่มรายได้ และขยายเมือง สนับสนุน FDI อุตสาหกรรมเป้าหมาย เพิ่มขีดจำกัดด้านการผลิต รวมถึงการย้ายฐานผลิตเข้ามาไทย


สำหรับรายชื่อหุ้นไทยที่นักวิเคราะห์ฯ แนะนำตรงกันตั้งแต่ 4 สำนักขึ้นไป ได้แก่ 1. หุ้น AOT ได้อานิสงส์จากท่องเที่ยวฟื้นตัว 2. หุ้น CK ได้ประโยชน์จากการเร่งรัดงบเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐปี 2567 3. หุ้น CPALL ได้ประโยชน์หลักจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ 4. หุ้น MINT ได้ประโยชน์จากธุรกิจโรงแรมในไทยและในยุโรปเติบโตดี ส่วนหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ หุ้นที่เกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมาก และหุ้นรายตัวที่มีภาระกู้ยืมสูง/เพิ่มทุน

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ