ประเด็น กกต.มีมติเอกฉันท์ ส่งศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคนั้น บล.เอเซียพลัส ชี้ว่าประเด็นที่ต้องติดตามหลังจากนี้ คือ ระยะเวลาในการพิจารณาของศาล เนื่องจากวันที่ศาลตัดสิน จะเป็นวันที่สร้างแรงกดดันต่อ SET INDEX อีกระลอก แต่ไม่ใช่ประเด็นที่เหนือความคาดหมายจึงไม่น่ากระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก
ส่วนประเด็นที่เป็นแรงกระตุ้นให้ SET INDEX ดูสดใสในระยะถัดไป คือ ประมาณการ GDP ไทยที่ BLOOMBERG คาดว่า GDP Q1/67 จะต่ำสุดอยู่ที่ระดับ +1.5%YOY แต่หลังจากนั้นไตรมาส 2-4 จะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันได จนทำให้ GDP ทั้งปี 67 คาดอยู่ในช่วง 2.7%-2.8% ซึ่งส่วนที่ฟื้นตัวเด่น คือการลงทุนและการใช้จ่ายภาครัฐและภาคส่งออกที่ฟื้นตัวเด่นในปีนี้
ขณะที่ บล.ไอร่า มีมุมมองเชิงลบอ่อนๆต่อประเด็นนี้ คาดว่าจะสร้างความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเมืองสู่ตลาดได้บ้างแต่เป็นเพียง Noise เข้ารบกวน-จำกัด Upside ตลาดหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น ทั้งนี้ มอง Downside ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างจำกัด โดยการปรับตัวลงตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาทำให้ปัจจุบัน SET Index ซื้อขายกันที่ Forward PE 14.2 เท่า+/-ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี-1 S.D จึงทำให้ความน่าสนใจของหุ้นไทยในเชิง Valuation เพิ่มขึ้นบ้าง
ปิดท้าย บลจ.กรุงไทยมองหุ้นไทยปรับตัวลงมาค่อนข้างมากปี 66 ซึ่งเป็นไปตามกระแสการลงทุนในภูมิภาค รวมถึงปัจจัยเฉพาะตัวจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ช้ากว่าที่คาด และงบประมาณที่ล่าช้า แต่การที่ตลาดปรับตัวลงมาก ทำให้ Valuation เริ่มน่าสนใจ และมี Downside Risk ที่ต่ำ จึงมองว่าเป็นจังหวะทยอยสะสมเพื่อรับอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นในอนาคต
แนะนำกองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นไฮดิวิเดนด์ (KT-HiDiv) เน้นลงทุนหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานผลดำเนินงานดี มีประวัติการจ่ายเงินปันผลดีสม่ำเสมอ และกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap (KTMSEQ) เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดกลางและเล็กใน SET และ MAI ที่มีพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตธุรกิจโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน!!
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม