บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TAN ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ลักซ์ชัวรี่ระดับโลก ประกาศแผนจัดโครงสร้างธุรกิจ 4 กลุ่ม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ทุกมิติ จับฐานลูกค้ารายได้กลางบน-สูง พร้อมเปิดกลยุทธ์หนุนรายได้ปี 2567 เติบโต 20%
ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN เปิดเผยว่า บริษัทจะยังคงเน้นกลยุทธ์สร้างการเติบโตปี 2567 ผ่านสื่อสารการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ โดยไม่พึ่งพิงการทำโปรโมชันลดราคา พร้อมเพิ่มแบรนด์ใหม่เสริมแกร่งพอร์ตอย่างต่อเนื่อง และขยายสาขาแบรนด์ที่มีศักยภาพเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกันจะเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร ผ่านการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีอัตราส่วนคงที่ เพื่อสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งสาขาเดิมและสาขาใหม่ด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทได้จัดโครงสร้างแบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจใหม่ ได้แก่
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายรายได้ปี 2567 เติบโต 20% จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ประมาณ 10% และการเติบโตของยอดขายสาขาที่จะเปิดใหม่อีก 10% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มแบรนด์ใหม่ในกลุ่มธุรกิจแฟชั่น การวางจำหน่ายสินค้าคอลเลกชันใหม่ การขยายระบบนิเวศไปสู่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และการขยายแบรนด์กลุ่มหาญไปประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบ ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้เติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้
ในปี 2567 นี้ บริษัทมีแผนเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่เพื่อนำเข้ามาเสริมพอร์ตฟอลิโอ ประกอบด้วย แบรนด์แฟชั่นจากญี่ปุ่น ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ชื่นชอบเสื้อผ้า Streetwear และ High End เป็นแบรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาเติมเต็มศักยภาพการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ คาดว่าจะมีการประกาศความชัดเจนได้ภายในปลายเดือนมีนาคมนี้ พร้อมมีแผนเปิดสาขาแรกที่เอ็มสเฟียร์ ภายในกลางเดือนพฤษภาคม
โดยเล็งเห็นว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แฟชั่นสตรีทแวร์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่เติบโตเป็นอย่างมาก และคาดว่าน่าจะมีมูลค่าสูงเป็นเท่าตัวภายในปี 2571 จากมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจึงทำให้สตรีทแวร์กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์การค้าปลีกแฟชั่นที่สำคัญ และมีอิทธิพลอย่างมากกับตลาดแฟชั่น ขณะที่เทรนด์เสื้อผ้ามีความเป็นทางการขึ้น เน้นความเรียบหรู ดูดี ทำให้การเข้ามาของแบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่น ตอบโจทย์เทรนด์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ส่วนอีกแบรนด์ คือ Gordon Ramsay Street Burger ซึ่งจะเข้ามาเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ คาดว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในไตรมาส 4/67 เพื่อตอบรับกับกระแสฟื้นตัวของตลาดร้านอาหาร และเจาะกลุ่มนิวเจนที่เป็น Burger Lover และนักท่องเที่ยวที่อยากเปิดประสบการณ์การรับประทานเบอร์เกอร์แบบใหม่ นำเสนอเบอร์เกอร์สูตรเฉพาะจากเชฟกอร์ดอน แรมซีย์ โดยตั้งเป้าเปิดให้บริการทั้งหมด 3 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญาเพื่อตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรจีน เพื่อนำแบรนด์ HARNN ขยายฐานลูกค้าในประเทศจีน โดยบริษัทจะถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 55% อย่างไรก็ดี เชื่อว่าการขยายฐานลูกค้าร่วมกับ Local Partner จะทำให้มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว และจะทำให้สัดส่วนรายได้ของแบรนด์ HARNN ในจีนจะมีสัดส่วนมากกว่าไทยได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/67 เชื่อว่าแนวโน้มออกมาดี โดยมีปัจจัยหนุนจากอานิสงส์ของภาคการท่องเที่ยงที่ฟื้นตัว ต่อเนื่องจากช่วงเทศกาลทั้งวาเลนไทน์และตรุษจีน ที่ประชาชนมีการออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะเดียวกันมองว่ามาตรการ Easy e-Receipt ช่วยลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นด้วย