ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 21 ก.พ.67 ปิดที่ 1,393.61 จุด เพิ่มขึ้น 12.54 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 64,865.89 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 6,312.47 ล้านบาท
หุ้นไทยรีบาวด์ขึ้น จากแรงต่างชาติซื้อ เข้ามาในหุ้นใหญ่และหุ้นที่จ่ายปันผลสูง โดยหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับขึ้นนำตลาด หลัง SCB ประกาศจ่ายปันผลสูงกว่าคาด รวมทั้งหุ้นปิโตรเคมีที่ได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มองอาจส่งผลให้แบงก์ใหญ่ปรับนโยบายการจ่ายปันผลใหม่ หลัง SCB จ่ายในอัตราที่สูงกว่าคาด ซึ่งเบื้องต้นเอเซีย พลัสคาดว่า BBL จะจ่ายปันผลปี 67 ที่ 6.50 บาท/หุ้น, KBANK คาดจ่ายปันผล 4.50 บาท/หุ้น, KTB คาดจ่ายที่ 0.83 บาท/หุ้น, TISCO คาดจ่าย 8 บาท/หุ้น, KKP จ่าย 2.50 บาท/หุ้น และ SCB เดิมคาดจ่ายปันผลปี 67 ที่ 6.75 บาท/หุ้น
เอเซียพลัสระบุว่า กำลังติดตามการประกาศจ่ายปันผลปี 66 ของแบงก์ใหญ่ที่เหลือก่อน หากมีการส่งสัญญาณ หรือปรับเปลี่ยนนโยบายการจ่ายปันผล จะทำให้เห็นภาพของปีนี้มากขึ้น และนำไปสู่การปรับเป้าหมายปันผลปี 67 ใหม่
ด้าน บล.พาย มองการที่ SCB จ่ายเงินปันผลสูงมา เป็นกลยุทธ์สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ และสถาบันให้เข้ามาลงทุน SCB มากขึ้น อิงจากการจ่ายปันผลที่สูงสุดของกลุ่มแบงก์
สร้างความกดดันแบงก์ใหญ่อื่นๆ อย่าง BBL-KBANK-KTB ให้ทบทวนนโยบายจ่ายปันผล ซึ่งโดยเฉลี่ยมีอัตราส่วนเงินปันผลต่อกำไร หรือ Dividend Payout Ratio ที่ 30-40% แต่ปัจจุบัน SCB ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 80%
ส่วน TISCO มี Dividend Payout Ratio ที่ 85% แต่อัตราส่วนระหว่างราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ Valuation สูงกว่า SCB ทำให้ความน่าสนใจเปลี่ยนไปที่ SCB แทน
ส่งผลให้ต้องมีการปรับเป้าหมายปันผลหุ้นกลุ่มแบงก์ เบื้องต้นคาดว่า ปี 67 BBL จะจ่ายปันผลที่ 7.20 บาท/หุ้น, KBANK จะจ่ายที่ 5.90 บาท/หุ้น, KTB จ่าย 0.88 บาท/หุ้น, TISCO จะจ่าย 7.76 บาท/หุ้น ส่วน SCB คาดจะจ่ายปันผลที่ 10.70 บาท/หุ้น จากเดิมคาด 8 บาท/หุ้น ถือว่า ให้ Dividend Yield ที่ 10% ขณะที่แบงก์ใหญ่อื่นๆ ให้ Yield ที่ 5% เท่านั้น!!
อินเด็กซ์ 51
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่