SNNP หุ้นเบนโตะ-เจเล่ ประกาศเป้า 5 ปี รายได้ 1.2 หมื่นล้าน รักษาเบอร์ 1 ตลาดไทย ลุยขยายเวียดนามต่อ

การเติบโตของผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาของ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SNNP เจ้าของขนมและเครื่องดื่มชื่อดังอย่าง เบนโตะ และ เจเล่ ตั้งแต่เข้าไอพีโอในตลาดหุ้นไทย เป็นที่น่าจับตา นักลงทุนต่างติดตามทิศทางการดำเนินงานต่อจากนี้ไปว่าจะมีการเติบโตที่น่าสนใจแค่ไหน ล่าสุด บริษัทประกาศเป้าหมายรายได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า แตะที่ระดับ 12,000 ล้านบาท พร้อมลุยขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ตั้งเป้า 5 ปี รายได้แตะ 12,000 ล้านบาท

ศุภโชค บำรุงพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SNNP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ 5 ปีต่อจากนี้ หรือในปี 2571 แตะที่ระดับ 12,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 15% จากปี 2566 อยู่ที่ 6,016 ล้านบาท โดยมีกุญแจสำคัญจากการขยายตลาดในประเทศให้สามารถเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยรักษาการครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ของแบรนด์หลัก คือ แบรนด์เบนโตะ จากปัจจุบันที่ 72.4% และเจเล่ ปัจจุบันที่ 78% 

พร้อมกับการขยายตลาดต่างประเทศ จากการเติบโตของยอดขายโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม และการขยายตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ เกาหลี จีน ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ในปี 2571 ให้เติบโตกลับมาอยู่ที่ 40% จากสัดส่วนรายได้ต่างประเทศที่ระดับ 27% ในปัจจุบัน

ส่วนผลประกอบการปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ เติบโต 23.3% จากปีก่อน เป็นการเติบโตทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยยอดขายต่างประเทศ ในประเทศเวียดนามเติบโตได้อย่างโดดเด่น ซึ่งสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจของเวียดนามที่ปรับตัวดีข้ึน

กุญแจ 3 ดอก กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ

ด้านวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SNNP เปิดเผยว่า สำหรับกลยุทธ์หลักของแบรนด์ ในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% (2 digit) โดยเป็นการเติบโตจากการขยายตลาดในประเทศ จากสินค้าใหม่ที่กำลังจะมีแผนวางตลาด และขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเวียดนาม

อย่างไรก็ตามในปี 2567 นี้บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนจำนวนไม่มาก เนื่องจากมีการติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าน่าจะทำให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) เติบโตสูงกว่าปีก่อน โดยมีกลยุทธ์สำคัญซึ่งถือเป็น “Core brand Strategy” 3 องค์ประกอบ ได้แก่

1.การมีพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่ดี - รักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมของธุรกิจขนมและเครื่องดื่ม ตอบโจทย์ผู้บริโภคในเวลาที่เหมาะสม

2.เส้นทางสู่ความเป็นเลิศของตลาด - การวางจำหน่ายสินค้า ผ่านช่องทางการจำหน่ายต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย

3.การตลาดเชิงท้องถิ่น - รักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ ในขณะเดียวกันก็พัฒนารสชาติ การบรรจุ และการสื่อสารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความชอบในท้องถิ่น

เปิดตัว Jele fiit ลุยตลาดอาหารเสริม

สำหรับแผนการทำธุรกิจในปีนี้ บริษัทมีความพร้อมสร้าง New S-Curve กับธุรกิจใหม่ ในการลงทุนพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Supplementary) ภายใต้แบรนด์ “เจเล่ฟิตต์” (Jele Fitt) ครั้งแรกของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบเยลลี่รสผลไม้ ที่ถูกพัฒนาเพื่อให้เหมาะกับคนแต่ละช่วงอายุที่แตกต่างกัน ราคาซองละ 15 บาท (1 ซอง บรรจุ 27 กรัม) วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11

ขณะเดียวกัน ตลาดอุตสาหกรรมเสริมอาหารในไทยมีมูลค่ากว่า 8.7 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 10% ในปี 2566 ถ้าแบ่งตลาดอาหารเสริมในไทยตามคุณประโยชน์ กลุ่มอาหารเสริมที่เน้นคุณโยชน์สุขภาพโดยรวมมีสัดส่วนถึง 29% หรือประมาณ 25,230 ล้านบาท

จากการศึกษาพฤติกรรมและมุมมองของผู้บริโภคต่อสินค้ากลุ่มอาหารเสริมในประเทศไทย ทำให้ทราบถึงความต้องการของผู้บริโภค จึงได้พัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการนั้น ซึ่งยังไม่มีใครนำเสนอในตลาด และสิ่งที่เราค้นพบคือผู้บริโภคในแต่ละช่วงอายุ มีความต้องการอาหารเสริมในปริมาณที่ไม่เท่ากัน โดยสินค้าอาหารเสริมที่เหมาะสมตามช่วงอายุได้ถูกพัฒนา และวางขายในต่างประเทศมาหลายปีแล้ว และได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี 

ด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงกำหนดกลยุทธ์เป็น New S Curve ของ SNNP เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2567 ซึ่งจากผลวิจัย และกลยุทธ์ดังกล่าวทางบริษัทฯ จึงนำมาพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ เจเล่ฟิตต์ ที่ออกแบบมาให้ฟิตต์แต่ละช่วงวัย และเป็นครั้งแรกที่ SNNP วางตลาดสินค้าอาหารเสริมในตลาด Premium mass market.