ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ประจำวันที่ 31 ม.ค. 67 ปิดตลาดหุ้นพบว่า ดัชนีลดลง 8.62 จุด เปลี่ยนแปลง -0.63% ดัชนีอยู่ที่ 1,364.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,924.36 ล้านบาท โดยบ่ายวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ใช้มาตรา 112 หาเสียงว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง พร้อมสั่งให้เลิกการแสดงความคิดเห็น หรือสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกมาตรา 112 และไม่ให้มีการแก้ไขด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติต่อไปในอนาคต
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ เป็นแรงกดดันต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่าดัชนีย่อตัวลงมาในช่วงบ่าย แต่อัตราการปรับลดลงนั้นไม่มากนัก สามารถตีความได้เป็น 2 ประเด็นหลัก คือ
1. ผลการวินิจฉัยครั้งนี้ ไม่ได้รวมไปถึงการยุบพรรคหรือตัดสิทธิทางการเมือง ดังนั้น พรรคก้าวไกลยังสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อยู่ เว้นแต่ว่าไม่ให้ไปแตะเรื่องมาตรา 112 ขณะที่ปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงมา ทำให้ Valuation เริ่มถูก จึงมีแรงซื้อช่วยสนับสนุนในระดับหนึ่ง
2. แรงกดดันจากประเด็นทางการเมืองในอนาคตยังไม่หมดไป แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยตอบสนองเชิงลบไประดับหนึ่งแล้ว เนื่องจากอาจยังเห็นกระบวนการทางกฎหมายต่อจากนี้ไป ทั้งจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ทั้งนี้ ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป คาดว่าจะมีลักษณะการย่ำฐาน โดยกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีพรุ่งนี้ให้แนวรับที่ระดับ 1,360 จุด ส่วนแนวต้านที่ระดับ 1,380 จุด
อย่างไรก็ดี ยังคงคำแนะนำนักลงทุนให้ทยอยซื้อหุ้นที่มีคุณภาพดี และมีการจ่ายปันผลสูง เพื่อลงทุนในระยะยาว อย่างหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ LH, AP, SC กลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTTEP และกลุ่มสื่อสาร ได้แก่ ADVANC ส่วนนักลงทุนระยะสั้นมองว่าอาจเก็งกำไรได้ลำบาก
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติวินิจฉัยตัดสินกรณีการหาเสียงของพรรคก้าวไกลเข้าข่ายการล้มล้างระบบการปกครอง และให้เลิกการกระทํา ตลาดหุ้นไทยน่าจะตอบรับเชิงลบ บนความกังวลต่อสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง
แต่อย่างไรก็ตาม ดัชนีอยู่ในจุดที่ตอบรับกับความเสี่ยงต่างๆ ทั้งการประมาณการเศรษฐกิจและกําไรตลาดไปแล้วมากพอสมควร เชิง Valuation ล่าสุด P/BV ของตลาดหุ้นไทยมาอยู่ที่ 1.31 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวกว่า 2 S.D. ขณะที่กระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลออกในปีนี้ 2.8 หมื่นล้านบาท ทําให้ระดับการถือครองอยู่ที่ 29% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว
นอกจากนี้ แนะนำนักลงทุนเน้นตั้งรับบริเวณโซนจุดต่ำสุด (low) เดิม หรือดัชนีที่ระดับ 1,355-1,360 จุด เน้นสะสมหุ้นธีม Resilient Global Economy ได้แก่ AOT, MINT, SPA, ICHI, TOP
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้