ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 29 ม.ค.67 ปิดที่ 1,376.28 จุด เพิ่มขึ้น 8.13 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 39,308.57 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 160.29 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 60.75 บาท บวก 1.25 บาท, KBANK ปิด 122 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, DELTA ปิด 79 บาท ลบ 3 บาท, PTTEP ปิด 149.50 บาท บวก 0.50 บาท, BBL ปิด 143.50 บาท บวก 3.50 บาท
มีแรงซื้อหุ้นท่องเที่ยว สนามบิน โรงแรม หลังจากมีการลงนามวีซ่าฟรีไทย-จีน โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.67 ขณะที่ยังได้แรงหนุนอัตราการใช้จ่ายส่วนบุคคลสหรัฐฯที่ออกมาปรับตัวลง และราคาน้ำมันปรับขึ้น รวมทั้งมีแรงเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ขณะที่ยังต้องจับตากระแส Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออกยังกดดันตลาดในภาพรวม
ด้าน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี แนะจับตาหุ้นโรงกลั่น PTTEP-SPRC-TOP ได้ sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางเกี่ยวกับ supply น้ำมัน และ demandexpectation จากตัวเลข GDP สหรัฐฯที่ขยายตัวเกินคาดและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงหุ้นกลุ่มเดินเรือ PSL-RCL-TTA ที่ได้รับ sentiment บวกจากค่าระวางเรือ
ขณะที่ “ลลิตภัทร ธรณวิกรัย” ซีอีโอ บล.ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ คาดนักลงทุนจะเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่น จากการปรับลดดอกเบี้ยที่กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมที่จะเริ่มต้นวงจรการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการลงทุนด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ทรงตัว
แนะกลยุทธ์ลงทุน หุ้นที่มีการเติบโตสูง ควบคู่กับการถือครองหุ้นกลุ่ม Defensive Stock และคาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะเป็นผู้นำจากรายได้และนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง ส่วนญี่ปุ่นและอินเดียยังเป็นตลาดที่น่าสนใจในเอเชีย รวมทั้งการลงทุนในพันธบัตรที่มีคุณภาพและพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ในสกุลเงินแข็งค่า
ส่วนการลงทุนในธีม Next Generation ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ Cloud Computing, AI, Future Mobility และ Extended Longevity และแม้จะเห็นโอกาสมากมายในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง และยังสามารถเข้าถึงตลาดที่กำลังเติบโตได้
แต่มองว่าการลงทุนในตลาดไทยยังมีความน่าสนใจ และใช้เป็นการลงทุนระยะสั้นในพอร์ตโฟลิโอตามภาวะตลาด (Tactical Investment) รวมถึงเป็นการสร้างเสถียรภาพของพอร์ตลงทุนให้แข็งแกร่งขึ้น!!
อินเด็กซ์ 51
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่