ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้จัดการแถลงแผนการดำเนินงานในปี 2567 โดยเรื่องสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย โดยเฉพาะในการให้ข้อมูลกับนักลงทุนให้ทันท่วงทีมากที่สุด
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2567 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นปีของการยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย ทั้งการแจ้งข้อมูลกับนักลงทุนให้ทันต่อสถานการณ์ และการยกระดับการดูแลตลาดหุ้นที่คาดว่าจะมีผลการศึกษารายงานออกมาในช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้
“แผนการในปีนี้เราจะเน้นการให้ข้อมูลมากขึ้น ไม่ต้องรอสิ้นไตรมาสเหมือนในอดีต เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจได้รวดเร็ว และในขณะเดียวกันเพื่อป้องกันการโกงให้เกิดได้น้อยที่สุด”
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หารือกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ในการนำระบบออคชัน และ Auto Halt เข้ามาใช้ตลาดหุ้นไทย เนื่องจากปี 2566 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับเปลี่ยนระบบการซื้อขายใหม่ และมีฟังก์ชันที่ช่วยเหลือนักลงทุนได้หลากหลาย เราอยู่ระหว่างศึกษา และคุยกับอุตสาหกรรม และเสนอ ก.ล.ต.อีกที ส่วนจะเมื่อไหร่นั้น อยู่ระหว่างพิจารณา
ส่วนประเด็นการตรวจสอบการทำธุรกรรม Naked Short ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ที่ร้องเรียนเข้ามาให้ตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบ ซึ่งเราได้ทำการตรวจสอบแล้วยังไม่พบถึงกรณีไหนที่ผิดปกติ ซึ่งในหากมีผู้สงสัย หรือมีข้อมูล สามารถติดต่อมายังตลาดหลักทรัพย์ได้ทันที
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจ้าง โอลิเวอร์ ไวแมน ที่ปรึกษาจากต่างประเทศเข้ามาร่วมศึกษา หาช่องโหว่งในตลาดหุ้นไทย ซึ่งที่ผ่านมาเราพบประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง เพื่อป้องกันปัญหา Naked Short ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และส่งเสริมโปรแกรมเทรดดิ้งให้เหมาะสม โดยคาดว่าจะได้ในสัปดาห์แรกของเดือน ก.พ.นี้ โดยกระบวณการหลังจากนั้นเราจะเปิดรับฟังความคิดเห็น รวมถึงเสนอแผนการปรับปรุงตลาดหุ้นไทย ทั้งระยะสั้น และระยะยาว
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางไอพีโอในปี 2567 ประเมินว่าจะคึกคักกว่าปีนี้ โดยในเวลานี้มีบริษัทยื่นไฟลิ่งแล้ว 40 บริษัท แบ่งเป็น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 20 บริษัท และ ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ 20 บริษัท เข้าระดมทุนผ่าน live อีก 3 บริษัท นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ต่อคิวอีกมากกว่า 1 เท่าตัว โดยทิศทางเข้าระดมทุนในปีนี้มองว่าจะสดใสมากขึ้น
โดยการเข้าระดมทุน ปัจจัยที่จะติดสินใจของแต่ละบริษัทจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักจากนี้ คือ ความต้องการใช้เงิน และสภาวะตลาด ซึ่งจากการพูดคุยแล้วเราเชื่อว่าช่องในการเข้าตลาดจะเอื้ออำนวยกว่าปีที่แล้ว.
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้