หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BBL ปิด 145 บาท ลบ 3 บาท, AOT ปิด 61.50 บาท บวก 0.25 บาท, PTT ปิด 33.75 บาท บวก 0.25 บาท, KBANK ปิด 129 บาท ลบ 2 บาท, BDMS ปิด 27 บาท ลบ 0.25 บาท
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส เผยบทวิเคราะห์ สัปดาห์นี้เป็นจุดเริ่มต้นในการรายงานงบ ธ.พ. งวดไตรมาส 4 ปี 66 (4Q66) คาดว่ากำไรสุทธิกลุ่ม (8 ธนาคาร) อยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท และสัปดาห์ถัดๆไปจะมีการทยอยประกาศงบของกลุ่ม Real Sector ออกมาเรื่อยๆ อาทิ SCGP-SCGD (23 ม.ค.67), SCC (24 ม.ค.67), PTTEP (30 ม.ค.67)
ฝ่ายวิจัยฯจึงทำการรวบรวมข้อมูลกำไรบริษัทจาก Bloomberg Consensus ทั้งหมด 216 บริษัท (มีสัดส่วน 82% ของ Market Cap ทั้งตลาดฯ) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.16 แสนล้านบาท (ลดลง -15.4% QoQ, +36.8% YoY)
โดยแรงกดดัน ให้กำไรงวด 4Q66 ลดลง QoQ หลักๆมาจากหุ้นอิงราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่องจาก 90 เหรียญ/บาร์เรล ในช่วงปลาย 3Q66 เหลือ 70 เหรียญในช่วงปลาย 4Q66 กดดันให้หุ้นกลุ่มพลังงานเกิด Stock Loss อาทิ PTT-PTTEP-IRPC-TOP
ขณะที่การเติบโตเทียบ YoY โดดเด่น ส่วนใหญ่เกิดจากหุ้นในกลุ่มที่อิงราคา Commodity ต่างๆจากฐานที่ต่ำกว่าปกติ อย่าง PETRO, PKG, PERSON, ENERG, BANK เป็นต้น และหากแบ่งออกเป็นราย Sector พบว่า มีกลุ่มที่กำไรเติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY คือ PETRO, ICT, PERSON, MEDIA, COMM เป็นต้น
โดยการเริ่มทยอยเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบ อาจทำให้ตลาดผันผวนได้ ดังนั้น ในยามที่ตลาดผันผวน กลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดี แนวโน้มกำไรงวด 4Q66 มีโอกาสเติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY อาทิ CPAXT, ITC, INTUCH, ADVANC, SCCC, MAJOR, SCGP, III เป็นต้น ที่คาดว่าจะสามารถ Outperform ตลาดในช่วงผันผวนได้
ส่วน Toppicks เลือกหุ้น MAJOR, SCGP และ III.
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม