ความเคลื่อนไหวหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์วันนี้ ปรับตัวลดลง หลัง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ย้ำจุดยืนไม่เห็นด้วยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะขึ้นดอกเบี้ยสวนทางเงินเฟ้อ ขณะที่ยังมีความกังวลสำหรับการผิดนัดชำระหุ้นกู้ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD อาจกระทบการตั้งสำรองของกลุ่มธนาคารหรือไม่
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มธนาคารวันนี้ มองว่าไม่เกี่ยวกับประเด็นที่นายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สวนทางกับเงินเฟ้อ ที่อาจกดดันต่อผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ดี มองว่า ธปท. มีแนวทางกำกับที่ดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นนั้น คาดว่าเกิดจากความกังวลของนักลงทุน เกี่ยวกับประเด็นการเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ITD ที่มีการขอเลื่อนจ่ายเงินต้นหุ้นกู้ 2 ปี และจะชำระเพียงดอกเบี้ยหุ้นกู้ ซึ่งต้องติดตามต่อว่าผลการประชุมผู้ถือหุ้นกู้จะออกมาเป็นอย่างไร แต่ประเด็นดังกล่าวจะทำให้กลุ่มธนาคารมีโอกาสตั้งสำรองสูงขึ้น
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวอีกว่า กระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติมีโอกาสไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 หลังทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชัดเจนขึ้น ประกอบกับแรงส่งจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในการลงทุนโครงการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีสัญญาณการขับเคลื่อนที่ดีขึ้น
ด้านสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ทิศทางกระแสเงินลงทุนคาดว่าจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้ หลังปี 2566 ไหลออกเกือบ 2 แสนล้านบาท โดยปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศแข็งแกร่งขึ้น และคาดหวังว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานได้ จากเน้นเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนเป็นหลัก
สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า อีกหนึ่งปัจจัยหนุนของตลาดหุ้นไทยปี 2567 คือเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน Thai ESG ที่คาดว่าจะสามารถแตะที่ระดับ 10,000 ล้านบาทได้ หลังปีก่อนทำได้ราว 6,000 ล้านบาท ซึ่งรอบนี้เชื่อว่านักลงทุนที่อยู่ระหว่างการศึกษาจะตัดสินใจลงทุนได้ เนื่องจากภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ดีขึ้นจากปีก่อน
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในกองทุน Thai ESG มีเงื่อนไขที่ดีกว่า กองทุนรวม SSF เพราะมีระยะเวลาถือครองหุ้นเพียง 8 ปี ส่วนกองทุน SSF ต้องถือครองครบกำหนด 10 ปี จะทำให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันมูลค่าหุ้นไทยยังอยู่ในระดับต่ำ จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลการสํารวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการ กองทุนรวม 26 สํานัก คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ถูกคาดการณ์ว่าจะขึ้นไปปิดสิ้นไตรมาสแรกที่ 1,476 จุด และเมื่อมองตลอดปี จะแกว่งตัวในกรอบ 1,340 ถึง 1,612 จุด โดยไปปิดสิ้นปี 2567 ที่ 1,590 จุด พร้อมคาดการณ์ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2567 ที่ระดับ 3.33%
โดยระบุปัจจัยบวกที่มีผลต่อทิศทางการลงทุนจนถึงสิ้นปี 2567 ได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนปี 67, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอเมริกา, เศรษฐกิจภายในประเทศ และ Fund Flows จากต่างประเทศสู่ตลาดหุ้นไทย ส่วนปัจจัยด้านลบ ได้แก่ การลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสําคัญทั่วโลก, ปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ และปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก
นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนําไปยังรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ มีความคุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณ โดยส่วนใหญ่กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แยกเป็นการลงทุนภาครัฐที่หนุนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ถัดมาคือด้านการช่วยเหลือภาคประชน ได้แก่ มาตรการลดค่าครองชีพ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนโยบายแจกเงินนั้นอยากให้เปลี่ยนเป็นโครงการกระตุ้นการบริโภค (คล้ายคนละครึ่ง) หรือนโยบายช็อปช่วยชาติ และตามมาด้วย เสนอนโยบายด้านการช่วยเหลือภาคธุรกิจ ได้แก่ นโยบายกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ เร่งแผนยกระดับศักยภาพการผลิตไทย ส่งเสริม FDI ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ รวมถึงกระตุ้นการลงทุนเอกชนในประเทศเกี่ยวกับ New technology และ ESG
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่