หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการ "Easy E-Receipt" ลดหย่อนภาษีมูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศนั้น สินค้าในกลุ่มโทรศัพท์มือถือและเครื่องใช้ไฟฟ้า อาจเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่หลายคนให้ความสนใจ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ต่างคาดว่าหุ้นของ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น COM7 หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ จะได้รับประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน แต่อาจอ่อนตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับเดือนตุลาคม 2566 การเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เป็นบวกที่ 5% เราคาดยอดขายงวดไตรมาส 4/66 เพิ่มขึ้นและสูงสุดในปี แม้ว่าโครงการ Easy E-receive จะทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนช่วงปลายปี 2566 ชะลอตัว
ด้านอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อาจจะต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้าและต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 13.5% สัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงาน/รายได้ลดลงเพราะรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนขาดทุนจาก BeBePhone น้อยลง โดยรวมคาดกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายงวดไตรมาส 4/66 จะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน แต่ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/67 ไปได้ดี จากโครงการ Easy E-receive ในช่วง 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567 ที่คาดว่าจะมีการซื้อสมาร์ทโฟนในช่วงนี้มากขึ้น เพราะสามารถนำค่าซื้อสินค้าไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินคนละ 5 หมื่นบาท (โดยต้องใช้ใบกำกับภาษีออนไลน์) ซึ่งรายได้ที่ดีขึ้นทำให้มี economy of scale
อย่างไรก็ดี แนะนำซื้อสะสม ให้ราคาพื้นฐาน 28.30 บาท ทั้งนี้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 ทรงตัว แล้วเติบโตดีขึ้นที่ 12% ในปี 2567 เป็นผลจากโครงการรกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล และการขยายสาขาของบริษัท และมีส่วนแบ่งการตลาด (Market share) เพิ่มขึ้นจากการชิงส่วนแบ่งการตลาดจากรายเล็ก
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/66 จะเร่งตัวจากไตรมาสก่อน และลุ้นทรงตัวหรือเติบโตได้เล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน หนุนจากยอดขาย iPhone 15 เต็มไตรมาส หลังจากเริ่มขายในเดือน ก.ย. 2566
ขณะเดียวกัน โมเมนตัมไตรมาส 1/67 คาดยังแข็งแรง และได้แรงหนุนจาก E-Receipt ลดหย่อนภาษี 5 หมื่นบาท ซึ่งสินค้าในกลุ่มโทรศัพท์มือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะเป็นเป้าหมายในการใช้จ่าย
นอกจากนี้ คาดกำไรปี 2566 จะเติบโตได้ 3% จากปีก่อน และเร่งตัวเติบโต 11% ในปี 2567 นี้ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่อัตราส่วน P/E เพียง 15.9 เท่า โดยให้แนวรับ 21.70-21.40 บาท ส่วนแนวต้าน 23.80-24 บาท และ 25 บาท
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่