กองทุน Thai ESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) ถือเป็นความหวังใหม่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการลงทุนในปี 2566 หลังรัฐบาลสนับสนุนมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาวของคนไทย พร้อมคาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินระดมทุนกว่า 10,000 ล้านบาท
โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติกองทุน TESG ชุดแรก ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ทั้งหมดจำนวน 27 กองทุนจาก 16 บริษัทจัดการลงทุน ดูเหมือนจะได้รับการตอบรับไม่ดีนัก
สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า สำหรับเม็ดเงินลงทุนของกองทุน TESG คาดว่าจะไม่สามารถทำได้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2566 หลังมูลค่าระดมทุนรวมอย่างไม่เป็นทางการปัจจุบัน ยังทำได้ไม่ถึงครึ่งของเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามยอดซื้อกองทุนในสัปดาห์นี้ เพราะโดยปกติของคนไทยมักลงทุนในกองทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี โดยประเมินว่าเม็ดเงินลงทุนที่เข้ามานั้น จะสามารถหนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 ให้ปรับตัวขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่ระดับ 1,390-1,440 จุด โดยแนะนำลงทุนหุ้นที่มี ESG rating สูง ซึ่งมีเม็ดเงินจากกองทุน TESG เป็นปัจจัยหนุน พร้อมมองว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มไฟแนนซ์ และหุ้นของบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA จะเป็นตัวขับเคลื่อนดัชนีตลาดหุ้นได้
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่