นักลงทุนต่างชาติยังคงมุมมองที่ไม่ดีนักกับตลาดหุ้นไทย และยังเทขายอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย จากต้นปีถึงวันที่ 12 ธ.ค. 66 มากกว่า 197,900 ล้านบาท
โดยแรงเทขายดังกล่าวนั้น สูงสุดเป็นอันดับ 3 ในรอบ 6 ปี โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2561 นักลงทุนต่างชาติขายมากสุด 287,695 ล้านบาท ต่อมาปี 2562 ขายสุทธิ 44,791 ล้านบาท และปี 2563 ขายสุทธิ 263,147 ล้านบาท ปี 2564 ขายสุทธิ 50,553 ล้านบาท และปี 2565 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยที่ 196,885 ล้านบาท
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า ปี 2566 นี้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง จากภาพรวมตลาดหุ้นที่เผชิญกับปัจจัยลบต่อเนื่อง เช่น การปรับลดกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ลงมากว่า 20% จากต้นปีคาดไว้ราว 100 บาท ประกอบกับในช่วงต้นปีตลาดหุ้นไทยยังเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมือง และมีความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหลังจากได้รัฐบาลแล้ว นโยบายต่างๆ ที่ออกมาก็กดดันความสามารถทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนด้วย
ดังนั้น ทำให้ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ปรับฐานลดลงมา โดยเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่องไปยังตลาดอื่น เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สะท้อนจากการทำสถิติใหม่สูงสุด (นิวไฮ) ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มองว่าค่าเงินและอัตราดอกเบี้ยของไทยเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการหนุนให้เงินไหลออกเช่นกัน
ทั้งนี้ เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะค่อยๆ ไหลกลับมาได้บ้างในปี 2567 จากเชื่อว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะดีกว่าเมื่อเทียบกับปีนี้ โดยประเมินว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) จะเติบโตได้ราว 13% จากฐานที่ต่ำ สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 3% โดยเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ทำให้มีแรงดึงดูดหนุนเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ
นอกจากนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปัจจุบันที่ระดับต่ำกว่า 1,400 จุด มองว่าเป็นโซนน่าซื้อสะสม เนื่องจากราคาหุ้นมีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยระยะกลาง-ยาว พร้อมแนะนำให้นักลงทุนให้ “Selective Buy” โดยเลือกหุ้นที่ราคาอยู่ในโซนล่าง หรือปรับฐานลงมาลึก แต่มีความน่าสนใจ เช่น แนวโน้มผลประกอบการในปี 2567 ดี หรือผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เชื่อว่ามีโอกาสทำกำไรได้
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่