หุ้นมูลค่าการซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 34.50 บาท บวก 0.25 บาท, CPALL ปิด 56 บาท ลบ 0.75 บาท, PTTEP ปิด 160 บาท บวก 1.50 บาท, TOP ปิด 51.25 บาท บวก 1.25 บาท, BH ปิด 225 บาท บวก 6 บาท
บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์น่าสนใจระบุว่า ตั้งแต่ต้นเดือนตลาดตราสารหนี้ระยะยาว (10 ปี) ลงแรงกว่าระยะสั้น (2 ปี) มาก (BULL FLATTENING) โดยเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงสั้น ส่งผลให้ราคาหุ้นระยะสั้นจะไม่ค่อยดี และจะตามมาด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางจากนั้นก็จะเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในระยะถัดไป
โดยสหรัฐฯ BOND YIELD 10Y ปรับลด -49 BPS. ขณะที่ BOND YIELD 2Y ปรับลด -20 BPS. ส่วนไทย BOND YIELD 10Y ปรับลด -26 BPS./BOND YIELD 2Y -5 BPS.
หากพิจารณาผลตอบแทนที่ได้ของนักลงทุน จะเห็นได้ว่าหากลงทุน BOND 10Y ของสหรัฐฯ หรือไทยตั้งแต่ต้นเดือน จะได้ผลตอบแทนสูง 4.8% และ 2.5% ตามลำดับ จึงมีโอกาสที่จะเห็นการโยกย้ายเม็ดเงินเข้าตลาดหุ้นบ้าง ดังสถิติในอดีตที่บ่งชี้ว่า หากตลาดตราสารหนี้ทำรูปแบบ BULL FLATTENING หุ้นมักขึ้นในระยะ 1-2 เดือนราว 0.7%-1.5%
สำหรับกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หากอัตราดอกเบี้ยลดลง คือ กลุ่มเช่าซื้อ THANI, MTC, TIDLOR, SAWAD, ASK, AEONTS, BAM, JMT กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก KKP, TISCO
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ SPALI, LH, AP, ORI, QH, SIRI, NOBLE, LALIN และกลุ่มที่ให้ปันผลสูง (High Yield) NER, ADVANC, SCC, TU, MAJOR
โดยกลุ่มดังกล่าวมีหุ้นที่ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัสชื่นชอบ คือ MTC, TIDLOR, SAWAD, TISCO, LH, AP, SIRI, ADVANC, SCC, TU และ MAJOR
สรุปตลาดตราสารหนี้ทำรูปแบบ BULL FLATTENING CURVE ทั้งในประเทศสหรัฐฯและไทย หนุนให้ตลาดหุ้นมีโอกาสสดใสอีกครั้ง ดังสถิติในอดีตที่บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นมักปรับตัวราว 0.7%-1.5% หลังจากนั้น 1-2 เดือน.
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม