นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ SCGP ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ขอเรียนให้ทราบถึงโครงการเข้าซื้อหุ้น (Merger and Partnership: M&P) ใน 2 บริษัทใหม่ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ใน Law Print & Packaging Management Limited (หรือ “Law Print”) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร มีที่ตั้งอยู่ใน Stockport สหราชอาณาจักร โดยจะชำระเงินทั้งสิ้น 10.68 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 475 ล้านบาท) สำหรับการเข้าถือหุ้นร้อยละ 100 ดังกล่าวทันที ธุรกรรมข้างต้นจะดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. (หรือ “SCGPSS”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการ ของ Law Print ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566
Law Print ให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การจัดพิมพ์ การ ตรวจสอบรับประกันคุณภาพ ตลอดจนการขนส่งระหว่างประเทศ โดยมีเครือข่ายผู้ผลิตและผู้จัดหาบรรจุ ภัณฑ์ที่หลากหลาย Law Print มีรายได้ 12.2 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 570 ล้านบาท) มีกำไรรวมหลังหัก ภาษีประมาณ 2.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 125 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 6.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 300 ล้านบาท) ณ วันสิ้นปีงบการเงิน วันที่ 31 ธันวาคม 2565 Law Print มีจุดเด่นในการตอบโจทย์ ความต้องการลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและทำความ
เข้าใจลูกค้าในเชิงลึก นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อลูกค้ากับเครือข่ายผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวที่มี คุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดหาสินค้าบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวของ SCGP ให้แก่ลูกค้า จากสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นในทวีปยุโรป (รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมตามเว็บไซต์ www.lawprintpack.co.uk)
โครงการลงทุนข้างต้นจะช่วยขยายช่องทางการขายและเครือข่ายลูกค้าของ SCGP โดยมุ่งเน้นที่ ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในสหราชอาณาจักรและทวีปยุโรป ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของSCGP ตลอดห่วงโซ่อุปทาน นำไปสู่ส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายของ Law Print
นอกจากนี้ ประโยชน์จากการประสานกำลังทางธุรกิจดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการขายสินค้าหรือ บริการที่เกี่ยวข้อง (Cross-selling) ของบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer packaging products) แก่ลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติซึ่งมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Law Print
ทั้งนี้ SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 85 ใน Bicappa Lab S.r... (หรือ “Bicappa”) บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สําหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านการผลิตปิเปตต์ทิป (Pipette tips) โดย Bicappa ตั้งอยู่ใน Roletto ประเทศอิตาลี โดยจะชําระเงินค่าหุ้น ร้อยละ 85 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3.23 ล้านยูโร (ประมาณ 125 ล้านบาท) ธุรกรรมข้างต้นจะดําเนินการผ่าน Deltalab, S.L. (หรือ “Deltalab”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นร้อยละ 85 ทั้งนี้ Deltalab และผู้ถือหุ้นเดิมของ Bicappa มีสิทธิในการซื้อและขายหุ้นร้อยละ 15 ที่เหลือใน Bicappa ในราคาซึ่งได้คํานวณและระบุไว้แล้วใน เอกสารประกอบการทําธุรกรรม ทั้งนี้ SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Bicappa ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566
โครงการเข้าซื้อหุ้นข้างต้นจะช่วยเสริมแกร่งธุรกิจของ Deltalab ผ่านการขยายกิจการในลักษณะ Backward integration ด้วยการจัดหา Pipette tips ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าประเภทอุปกรณ์สําหรับใช้ใน ห้องปฏิบัติการที่สําคัญในธุรกิจของ Deltalab Bicappa เป็นหนึ่งในผู้ผลิต Pipette tips รายใหญ่ในทวีปยุโรป ใช้ระบบเครื่องจักรอัตโนมัติในขั้นตอนการผลิตและออกแบบแม่พิมพ์ ความก้าวหน้าทางวิทยาการดังกล่าวจะ ช่วยให้ Deltalab สามารถขยายกิจการเข้าสู่ธุรกิจ Pipette tips ได้ทันที พร้อมกับเข้าถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้ เทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปพอลิเมอร์ (Polymer injection technology) สําหรับ Auto-pipetting และการดำเนินธุรกิจ ด้วยระบบอัตโนมัติ ประโยชน์จากการประสานกำลังทางธุรกิจดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการเพิ่มยอดขายอุปกรณ์ ทางการแพทย์และอุปกรณ์สําหรับใช้ในห้องปฏิบัติการอื่นๆ ของ Deltalab ผ่านฐานลูกค้าของ Bicappa อีกด้วย
ปัจจุบัน Bicappa มีสายการผลิตแม่พิมพ์สำหรับขึ้นรูปพลาสติกทั้งหมด 12 สายการผลิต (สําหรับ รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมมีปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ www.bicappalab-tips.it) ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 Bicappa มีรายได้ 3 ล้านยูโร (ประมาณ 115 ล้านบาท) มีกําไรรวมหลังหัก ภาษีประมาณ 0.62 ล้านยูโร (ประมาณ 23.5 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 2.4 ล้านยูโร (ประมาณ 90 ล้านบาท) SCGP มุ่งมั่นที่จะตอบสนองกระแสความนิยมที่เปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น โดย นำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์จากเยื่อ และกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูง ตลอดจนให้บริการด้าน บรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นอื่นๆ โดยมีฐานการดำเนินงานรวมกว่า 50 แห่งในประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สหราชอาณาจักร สเปน เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา สำหรับรายละเอียดข้อมูลบริษัท เพิ่มเติมมีปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ www.SCGPackaging.com