เริ่มมีความชัดเจนแล้วสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเงินดิจิทัล 10,000 บาท หลังรัฐบาลเผยออกมาโยนหินถามทาง ถึงเงื่อนไขมีการแจกเงิน โดยอาจจะใช้วิธีเลือกแจกเฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยเป็นหลัก ผลดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์มองว่า จะสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากการกระตุ้นดังกล่าวจะผลักดัน GDP ได้น้อยกว่าที่คาดหวังไว้
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินว่า กระแส Digital Wallet ตัดสิทธิ ‘คนรวย’ กดดันหุ้น Domestic วานนี้คณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตเตรียม 3 แนวทางตัดสิทธิคนรวยออกจากระบบ เพื่อเสนอกรรมการชุดใหญ่สัปดาห์หน้า ตัดกลุ่มที่ได้รับเงินเดือนเกินกว่า 25,000 บาท หรือมีเงินฝากรวมกันมากกว่า 1 แสนบาทออก
ตัดกลุ่มที่ได้รับเงินเดือนเกินกว่า 50,000 บาท หรือมีเงินฝากรวมกันมากกว่า 5 แสนบาท ให้เข้าร่วมเฉพาะผู้ยากไร้ตามกลุ่มบัตรคนจน จำนวน 15-16 ล้านคน
นอกจากนี้รัฐบาลเผย ให้ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ทำแอปพลิเคชัน และยกเลิกเงื่อนไข 4 กิโลเมตร ประกาศใช้ระดับอำเภอ คาดเริ่มแจกเงินได้หลังเดือนเมษายน 2567 ปัจจัยดังกล่าวอาจเป็นแรงกดดันเชิงลบ ทั้งจากความคาดหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2567 มีโอกาสลดลง จากปัจจุบัน ธปท. คาด GDP ปี 2567 เติบโตได้ 4.4% และเป็นแรงกดดันเชิงลบต่อตลาดหุ้นที่อาจคาดหวังการเติบโตลดลงได้
โดยเฉพาะหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, ขนส่ง, อาหาร เป็นต้น แต่ในอีกมุมอาจช่วยลดความกังวลเรื่องการกู้เงินเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ 61.8% รวมถึงหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่ระดับกว่า 90% รวมถึงความกังวลการปรับลดอันดับเครดิตเรตติ้งของสถาบันการเงิน หนุนให้ค่าเงินบาทในระยะถัดไปมีโอกาสชะลอการอ่อนค่าได้ ทั้งนี้ นักลงทุนติดตามความคืบหน้าประเด็นดิจิทัลวอลเล็ตอย่างใกล้ชิด เพราะกระแสดังกล่าวมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น และปัจจุบันยังไม่ได้ผลสรุปที่ชัดเจน
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ มองว่า สำหรับในประเทศยังมีความไม่แน่นอนต่อมาตรการ Digital Wallet ซึ่งล่าสุดอาจมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขผู้เข้าเกณฑ์ ทำให้วงเงินของโครงการลดลง ซึ่งอาจกระทบต่อ Downside ของ GDP ในปีหน้า แต่เป็นจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ดี ก็แลกกับวินัยทางการคลังที่จะมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยยังคงต้องติดตามรายละเอียดที่ชัดเจนของโครงการนี้ในช่วงถัดไป
คาด SET วันนี้ “ย่อตัว” ในกรอบ 1390-1410 จุด แรงกดดันจาก US Bond Yield ดีดขึ้นใกล้ 5% อีกครั้ง หลังตัวเลขเศรษฐกิจ US ร้อนแรง ผสานกับแรงผิดหวังผลประกอบการ US Tech ขณะที่วันนี้แนะติดตาม 3Q23 US GDP และประชุม ECB โดยกลยุทธ์วันนี้เน้น Defensive Play แนะนำ “BCH”