ความเคลื่อนไหวของการเข้าทำการซื้อขายวันแรกของบริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ WINDOW เปิดทำการซื้อขายวันแรก (25 ต.ค. 2566) ในกระดาน SET ที่ราคา 2.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.74 บาท สูงกว่าราคาไอพีโอ 35.24% จากราคาไอพีโอที่ 2.10 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1.27 บาท หรือต่ำกว่าราคาจองซื้อที่ 39.52%
นายธนินทร์ รัตนศิริวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ WINDOW เปิดเผยว่า ทางผู้บริหารยืนยันไม่คิดขายหุ้นทิ้งแน่นอน พร้อมกอดหุ้นอย่างเหนียวแน่น เพราะธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้ โดย WINDOW มองโอกาสในการขยายธุรกิจจากการเข้าควบรวมหรือซื้อกิจการคู่แข่ง (Merger and Acquisition) ซึ่งจะสามารถเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจและอาจเป็นการขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่หรือตลาดใหม่
อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) และเป็นการลดจำนวนคู่แข่งในตลาดอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะอยู่ในเป้าหมายและแผนธุรกิจซึ่งคาดว่าดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตามวันนี้ WINDOW นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก (25 ต.ค. 2566) ถือเป็นความภาคภูมิใจ และยกระดับองค์กรให้เป็นระดับสากล ตรวจสอบได้ มีความโปร่งใส โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ เสริมสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับ WINDOW
เพราะการเข้าจดทะเบียนต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และมาตรฐานต่างๆ รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำให้ WINDOW รวมถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท เป็นที่รู้จักของสาธารณชนมากขึ้น ส่งผลเชิงบวก ทำให้เกิดการเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสในการหาและเข้าร่วมลงทุนจากพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะสนับสนุนการขยายตัวและเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจ
นอกจากจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของ WINDOW แล้ว จะยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักของสาธารณชนมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสการเข้าไปรับทำโครงการให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เช่น การรับงานโครงการภาครัฐ โดยคาดว่าช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
ทิสโก้ ให้ราคาเหมาะสม 1.68 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในระยะสั้น เรามองว่าสภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 จะยังมีความไม่แน่นอนสูงจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่สูง นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้สภาวะของตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง และยังเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีการขายหุ้นไทยนับจากต้นปีถึงไตรมาสที่ 3 สูงถึง -1.58 แสนล้านบาท ในขณะเดียวกันผลตอบแทนของดัชนี SET CONMAT ปรับตัวลดลงจากต้นปี -15.62% ดังนั้นเราจึงมีมุมมองเน้นความระมัดระวังในการลงทุน นอกจากนี้ราคา IPO ที่ 2.10 บาท สูงกว่าราคาเหมาะสมที่เราประเมิน แนะนำรอราคาปรับลงมาจนมีส่วนลดจากราคาเหมาะสมที่เพียงพอ ก่อนกลับเข้าซื้อเพื่อลงทุน
ในระยะยาวนั้น มุมมองในระยะยาวเรามีมุมมองเชิงบวก เนื่องจากในปี 2566 บริษัทจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตอีกกว่า 50% จากกำลังการผลิตเดิม 8 แสน ตร.ม. ซึ่งจะรองรับการเติบโต และแผนการขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้ารับจ้างผลิตตามสั่ง B2B มากขึ้น รวมถึงในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกจะดีขึ้นจากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศทั่วโลกจะปรับตัวลดลง หลังจากที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติในปี 2565-2566 จากสภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก ดังนั้นสภาพคล่องโดยรวมในระบบเศรษฐกิจจะดีขึ้น และดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง จึงแนะนำเข้าลงทุนสำหรับการลงทุนระยะยาวได้ หากราคาปรับตัวลงมาที่ราคาเหมาะสมที่เราประเมินที่ 1.68 บาท
ความเสี่ยงสำคัญ 1) ความเสี่ยงพึ่งพิงวัตถุดิบหลักจำนวนน้อยราย 2) ความเสี่ยงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ 3) ความเสี่ยงพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่ 4) ความเสี่ยงความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งกระทบต่อการนำเข้า ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 40% ของการสั่งซื้อวัตถุดิบรวม 5) ความเสี่ยงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 50%