ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET รายงานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงในวันนี้ ท่ามกลางดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์มองว่า CBG จะมีผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาสที่ 3 นี้
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองว่า หุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม ได้รับแรงหนุนจาก ช่วงเช้าวันนี้นี้กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือน ก.ย.ขยายตัว 2.1%จากปีก่อน ดีกว่าตลาดคาด ลดลง1.75%จากปีก่อน
โดยเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์เห็นสัญญาณบวกจากการขยายตัวครั้งแรกในรอบ4 เดือนมองเป็นสัญญาณชี้ขาขึ้นต่อหุ้นในกลุ่มเครื่องดื่มที่ยอดขายต่างประเทศจะเริ่มขยายตัวตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่3 และดีต่อในไตรมาสที่ 4 เมื่อเข้าสู่ช่วง High Season
บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ประเมินว่า ผลการดำเนินการของ CBG เราคาดการณ์ว่ากำไรจากธุรกิจหลักในไตรมาสที่ 3 จะอยู่ที่ 586 ล้านบาท เติบโตขึ้น 22% จากไตรมาสก่อน ด้วยปัจจัย 1) ยอดขายที่เติบโตในระดับกลางอยู่ที่ 1% จากไตรมาสก่อน ซึ่งโดยส่วนใหญ่มาจากตลาดภายในประเทศ 2) อัตรากำไร ขั้นต้นที่ดีขึ้นจากราคาอะลูมิเนียม (ด้านบรรจุภัณฑ์) ที่ปรับตัวลดลง และ 3) ประมาณการกำไรจากธุรกิจเบียร์อยู่ที่ 50 ล้านบาท ด้วยมุมมองต่อกำไรที่ยังคงเป็นทิศทางเชิงบวกนั้น
เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับฐานถึง 18.1% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น เป็นโอกาสในการซื้อ ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน ในช่วงไตรมาสที่ 3 ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน ในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอัตราการเติบโตที่ 5% จากไตรมาสก่อน ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง (Energy Drink) ภายในประเทศ (28.6% ของสัดส่วนรายได้)
ในขณะที่ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดต่างประเทศ (31.7% ของสัดส่วนรายได้) มีแนวโน้มลดลง 2% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วง low season ทั้งนี้ อาจปรากฏยอดราว 50 ล้านบาท จากการผลิตบรรจุภัณฑ์ขวดและกระป๋องสำหรับเบียร์ที่จะเริ่มจัดจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวจากราคาอะลูมิเนียมที่ต่ำลง เราคาดการว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.8ppt เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าขึ้นไปที่ระดับ 28.6% ในช่วงไตรมาสที่ 3
จากปัจจัย 1) ราคาอะลูมิเนียมโดยเฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลงจากเดิมที่ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในช่วงไตรมาส 2 และ 2) ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของบรรจุภัณฑ์สำหรับธุรกิจ เบียร์ที่จะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งเราเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นดังกล่าวและต้นทุนอะลูมิเนียมที่ลดลงจะสามารถหักล้างต้นทุนน้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้น (ประมาณ 10% จากไตรมาสก่อน)
โดยที่อะลูมิเนียมมีสัดส่วนของต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold หรือ COGS) อยู่ที่ราว 20% ในขณะที่น้ำตาลมีสัดส่วนเพียงแค่ 12% ราคาเป้าหมาย DCF โดยความเสี่ยงหลักคือราคาวัตถุดิบผันผวน เราใช้แบบจำลอง DCF โดยมีปี 2024F เป็นปีฐาน ซึ่งเราเห็นว่าราคาหุ้นที่ปรับฐานนั้นเป็นโอกาสในการเข้าสะสม พร้อมด้วยอัปไซด์ที่จะมาจากธุรกิจเบียร์ ซึ่งอาจสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (อ้างอิงคำแนะนำของบริษัท) เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ที่บรรดานักวิเคราะห์อาจยังไม่มีมุมมองที่มั่นใจมากนัก CBG ซื้อขายด้วยระดับ P/E ปี 2024F ที่ 20.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.9 เท่า ที่ระดับ 1 standard deviation (1 S.D.)