ดอกเบี้ยขาขึ้น ดันผลงานแบงก์เด่น คาดกำไร ธ.กรุงเทพ ไตรมาส 3 ทะลัก 19 โบรกฯ แห่เชียร์ “ซื้อ”

เริ่มต้นแล้ว สำหรับฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3/66 ของบริษัทจดทะเบียน นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นักลงทุนต่างจับตาผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง วันนี้ “Thairath Money” จะพามาส่องคาดการณ์แนวโน้มกำไรสุทธิของ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BBL ที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ต่างมีมุมมองเป็นบวก

ข้อมูลจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) เปิดเผยว่า มีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จำนวนกว่า 19 สำนัก ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BBL และมีนักวิเคราะห์ฯ 1 สำนัก แนะนำ “ถือ” โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 193.51 บาท สูงสุดที่ 220 บาท และต่ำสุดที่ 164 บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ของหุ้น BBL ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท ลดลง 3.1% จากไตรมาสก่อน แต่เติบโต 43.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นตามส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ขยับขึ้นเป็น 2.94% เพิ่มจากไตรมาสก่อนที่ 2.91% และปีก่อนที่ 2.83% เพราะการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งผลให้ผลตอบแทนจากเงินกู้ (Yield on loan) ขึ้นตาม

ขณะที่ฝั่งต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มลดลงจากการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากบางส่วนลง ส่วนสินเชื่อคาดว่าหดตัวลง 2.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน และดีขึ้น 1.4% นับตั้งแต่ต้นปี ประเมินว่ามาจากพอร์ตต่างประเทศ และ corporate (อุตสาหกรรมการผลิต และพาณิชย์) เป็นหลัก

ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท เติบโต 36.8% จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิปี 2567 คาดว่าอยู่ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 15.1% เมื่อเทียบกับปีนี้ อย่างไรก็ตามมองว่า BBL เป็นหุ้นธนาคารที่มีปัจจัยพื้นฐานดีที่สุดของกลุ่มแบงก์ใหญ่

นอกจากนี้ คงคำแนะนำ ซื้อ โดยปรับราคาเป้าหมายไปใช้เป็นสิ้นปี 2567 เท่ากับ 198.25 บาท ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน เราชอบ BBL มากที่สุดของกลุ่มธนาคาร เพราะโครงสร้างสินเชื่อได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ NIM ยังอยู่ในขาขึ้น รวมถึงแนวโน้มสินเชื่อที่จะเริ่งตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ตามการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง มีสัดส่วนค่าเผื่อการตั้งสำรองต่อยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Gross NPLs) สูงสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ขณะที่ราคาซื้อขายปัจจุบันอิง Forward PBV ที่ 0.6 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 1.19 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 55%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 5% จากไตรมาสก่อน เพราะการเพิ่มขึ้นของ NIM จากการเพิ่มขึ้นของ yield on loan ตามดอกเบี้ยขาขึ้น และการลดลงของต้นทุนการเงิน จากการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากบางส่วนลง

ภาพรวมมองว่า BBL เป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงมีความแข็งแกร่งด้านคุณภาพสินทรัพย์ และความเพียงพอของสำรองต่อพอร์ตสูงสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ ดังนั้นคงเลือกเป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคาร แนะนำ ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 220 บาท.