แบรนด์ “Central Park” ในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จะประกอบด้วย ศูนย์การค้า บนพื้นที่ (GBA) 130,000 ตร.ม. เตรียมเปิดในไตรมาส 3 ปี 2025 ซึ่งจะผสมผสาน Curated Experience เข้ากับ Park Life เพื่อสร้างสรรค์ The New Luxury
และอาคารสำนักงาน “Central Park Offices” บนพื้นที่ (GBA) 130,000 ตร.ม. เตรียมเปิดในไตรมาส 2 ปี 2025 โดยจะเป็นสำนักงาน Prestigious Class A ที่ดีที่สุดและสะดวกที่สุดในกรุงเทพฯ สู่ Global Professional Hub ของบริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค
โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับโลก ภายใต้ความร่วมมือของ บมจ.ดุสิตธานี และ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 46,000 ล้านบาท พื้นที่รวม 440,000 ตารางเมตร บนพื้นที่ 23 ไร่ มุมถนนสีลม-พระราม 4 รวมทั้งสิ้น 4 องค์ประกอบ ได้แก่
วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า โครงการนี้เป็น 1 ในโครงการ 5 เมกะมิกซ์ยูส และเป็นโครงการแรกที่เปิดตัว สำหรับโครงการเมกะมิกซ์ยูสนับเป็นแผนที่วางไว้ประมาณ 5 ปี นับจากวันนี้ ซึ่งจะเป็นการทยอยดำเนินการ
โดยในครั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ในฐานะผู้พัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ‘ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค’ ร่วมกับกลุ่มดุสิตธานี นำความเป็น The Best Expertise มาสู่ The Best Location ที่ดินผืนประวัติศาสตร์และทำเลศักยภาพใจกลางเมือง พร้อมทั้งผสานความเป็นเลิศ ‘Legacy meets Luxury’ นำความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทระดับตำนานมาพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่, ‘Hospitality meets Retail’ ความเป็นไทยบนเวทีโลก ทั้ง Hospitality และความเป็นเบอร์หนึ่งด้าน Retail & Developer และ ‘Vibrant Connectivity meets Green Serenity’ ที่ตั้งอยู่บนทำเล ซึ่งเชื่อมต่อทุกการเดินทาง โดยทั้ง 4 องค์ประกอบภายในโครงการมิกซ์ยูสแห่งนี้ ซึ่งมีอย่างละ 1 องค์ประกอบ มีความ Exclusive และสามารถ Fully Integrated เสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกันได้อย่างลงตัว
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นการสร้าง High-end Lifestyle Hub ที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของย่าน ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายกำลังซื้อสูงด้วย Curated Experience เชื่อมโยงกับ Urban Rooftop Park ขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ เทียบชั้นมหานครระดับโลก
ซึ่งถือเป็นโครงการลักชัวรี่มิกซ์ยูสหนึ่งเดียวบนทำเล Super Core CBD ที่มีศูนย์การค้าเชื่อมโยงเข้ากับทุกองค์ประกอบ รองรับทราฟฟิกกว่า 25 ล้านคนต่อปี พร้อมมุ่งมั่นเป็นแลนด์มาร์กระดับโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคนต่อปี
ส่วนโครงการที่เหลือจะมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 135,000 ล้านบาท โดยจะลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาทต่อโครงการ และมีพื้นที่กว่า 350,000 ตารางเมตรต่อโครงการ (ซึ่งจะอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล) ส่วนที่เซ็นทรัลลาดพร้าวมองว่าจะมีการต่อสัญญาอย่างแน่นอน แต่อยู่ระหว่างการเจรจา
ขณะเดียวกันในส่วนของทราฟฟิกรวมทุกศูนย์การค้าจะอยู่ที่ 1.3 ล้านคนต่อวัน และปลายปีคาดว่ายอดทราฟฟิกจะเพิ่มขึ้น 20% ส่วนปัจจัยจากอีเวนต์ต่างๆ ที่จัดขึ้น คาดว่าจะดันยอดทราฟฟิกเพิ่มขึ้นอีก 20%