จับตารัฐบาลหาทางตรึงดีเซล 30 บาท รัสเซียหยุดส่งออกดันราคาพุ่ง โบรกฯ หวั่นฉุดกำไร 3 หุ้นปั๊มร่วง

ราคาน้ำมันโลกกลับมาถูกจับตาอีกครั้ง เมื่อรัสเซีย ประกาศหยุดการส่งออกน้ำมันดีเซล และเบนซินเป็นการชั่วคราว ซึ่งส่งผลตอบซัพพลายน้ำมันโลกที่จะลดลงและผลักดันให้ราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งสวนทางกับนโยบายการคงราคาน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาท ทั้งนี้นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ประเมินว่า หุ้นในกลุ่มสถานีบริการน้ำมันกำลังจะเจอกับแรงกดดันกับทางเลือกของรัฐบาลหากราคาน้ำมันยังพุ่งไม่หยุด

บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี เปิดเผยว่า จากกรณีรัสเซียระงับการส่งออกน้ำมันดีเซล และเบนซินชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน รัสเซียสั่งระงับการส่งออกน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซินชั่วคราว ยกเว้นน้ำมันดีเซลคุณภาพต่ำ น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเรือเดินทะเล ไปยังประเทศอื่นๆ ยกเว้นสี่ประเทศ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต (เบลารุส, คาซัคสถาน, อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน) โดยมีผลทันทีเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมันในประเทศ

ทั้งนี้คาดว่าหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นจะได้อานิสงส์จาก Crack Spread น้ำมันดีเซลที่สูงในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ในปัจจุบัน รัสเซียส่งออกน้ำมันดีเซล 0.7-0.8 ล้าน บาร์เรลต่อวัน คิดเป็น 3% ของอุปสงค์น้ำมันดีเซลทั้งโลก เราคาดว่าจีนจะเพิ่มการส่งออกน้ำมันดีเซลจนถึงขีดสุด

อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดีเซลทั้งโลกน่าจะตึงตัวมากขึ้น เพราะคาดว่าจีนจะส่งออกน้ำมันดีเซลเพียง 0.24-0.25 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น (เป็นระดับการส่งออกน้ำมันดีเซลที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022) ซึ่งยังไม่มากพอที่จะชดเชยอุปทานที่ขาดแคลนได้ เราเชื่อว่ารัสเซียจะระงับการส่งออกน้ำมันเพียง 3-6 สัปดาห์เท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็น่าจะยังฉุดให้สต๊อกน้ำมันดีเซลโลกลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งจะทำให้อุปทานตึงตัวยิ่งขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตามสถานีบริการน้ำมันยังมีความเสี่ยงด้าน Downside ในปี 2567 ในปัจจุบัน กองทุนน้ำมันอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ 7.03 บาท/ลิตร โดยมีสถานะขาดดุลอยู่ 6.4 หมื่นล้านบาท (ณ วันที่ 24 กันยายน 2566) ซึ่งหากใช้สมมติฐานเงิน อุดหนุนที่ 7 บาท/ลิตร และปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล 70 ล้านลิตร/วัน กองทุนน้ำมันจะขาดดุลเพิ่มเป็น 1.12 แสนล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเกินเพดานการขาดดุล ของกองทุนน้ำมัน (1.10 แสนล้านบาท)

ทั้งนี้ หากใช้สมมติฐานว่าราคาน้ำมันดีเซล ยืนอยู่ที่ระดับนี้ และรัฐมนตรีพลังงานต้องการจะคงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเอาไว้ ต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร ก็มีทางเลือกที่อาจดำเนินการได้เพียงสองทาง ได้แก่ 1. อัดฉีด สภาพคล่องเข้ามาให้กองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น หรือ 2. ขอให้สถานีบริการน้ำมันลดค่าการตลาดน้ำมันดีเซลลง ซึ่งหากรัฐบาลเข้ามาแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันดีเซล PTG จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะยอดขายกว่า 90% มาจากยอดขายปลีกน้ำมัน โดยมีน้ำมันดีเซลเป็นตัวหลัก (≈75%) เราคาดว่าการลดค่าการตลาดน้ำมันดีเซลลงทุกๆ 0.10 บาท/ลิตร จะกระทบกับกำไรปี 2024 ตาม Bloomberg consensus ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG 26.0%, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP 4.5% และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ 3.5%

เราชอบหุ้นน้ำมันต้นน้ำ และโรงกลั่น แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงสถานีบริการน้ำมัน เราชอบธุรกิจน้ำมันต้นน้ำ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ราคาเป้าหมาย 196 บาท และโรงกลั่น (SPRC ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท) ซึ่งจะได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบดูไบที่สูง และ GRM ที่สูง