ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ก.ย.66 ปิดที่ 1,542.03 จุด ลดลง 3.11 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 52,066.56 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,935.41 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส วิเคราะห์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอยู่ในทิศทาง ขาขึ้น รับแรงหนุนจากความกังวลด้านอุปทานน้ำมันตึงตัว หลังกลุ่ม OPEC+ ประกาศปรับลดกำลังผลิตของกลุ่มลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี 66 รวมถึงการประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบียโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปเรื่อยๆ นับตั้งแต่เดือน ก.ค. ซึ่งล่าสุดได้ขยายเวลาออกไปจนถึงสิ้นปี 66 ทำให้ซาอุดีอาระเบียจะผลิตน้ำมันที่ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน อีกทั้งในส่วนของรัสเซียก็ประกาศว่าจะลดการส่งออกน้ำมัน 3 แสนบาร์เรลต่อวัน ไปถึงสิ้นปี 66 ด้วย
จากประเด็นต่างๆ สะท้อนให้เห็นมุมมองการควบคุมระดับราคาโดยผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกให้อยู่ในระดับที่พึงพอใจราว 85–95 เหรียญต่อบาร์เรล (กำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC+คิดเป็น 40% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก)
ประกอบกับช่วงสั้นยังมีแรงหนุนจากความคาดหวังว่าความต้องการ ใช้น้ำมันจะฟื้นตัว หลังมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ค่อยๆดีขึ้น รวมถึงความคาดหวังเศรษฐกิจโดยรวมของโลกจะฟื้นตัว อีกทั้งล่าสุดกลุ่มโอเปกคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปี 66 จะเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 102.06 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปี 2567 คาดอุปสงค์น้ำมัน จะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 104.31 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ดังนั้น ทุกประเด็นล้วนเป็นปัจจัยบวกหนุนราคาน้ำมันให้ยังอยู่ในกรอบสูง เป็นผลบวกโดยตรงต่อกลุ่มผู้ผลิตและสำรวจปิโตรเลียมหลัก ที่มีรายได้แปรผันตามราคาปิโตรเลียม ซึ่งได้แก่ PTTEP รวมถึงกลุ่มโรงกลั่นที่การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ โดยปกติจะส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวขึ้นตาม ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบัน supply น้ำมันสำเร็จรูปที่ออกจากโรงกลั่นค่อนข้างตึงตัว
อีกทั้งผู้ประกอบการต่างมี inventory ที่ต่ำ จึงส่งผลให้ค่าการกลั่นปัจจุบันปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูง 10-14 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งภาพรวมค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูงก็เป็น sentiment เชิงบวกต่อหุ้นทุกตัวที่อยู่ในกลุ่มโรงกลั่นทั้ง TOP, SPRC, BCP, ESSO, PTTGC, IRPC ซึ่งฝ่ายวิจัยเลือก TOP เป็น Top pick ของกลุ่มโรงกลั่น!!
อินเด็กซ์ 51