เป็นประเด็นที่กดดันตลาดหุ้นมายาวนาน สำหรับการเก็บ “ภาษีขายหุ้น” ที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมามีแนวคิดจะจัดเก็บภาษีขายหุ้น ในอัตรา 0.10% สร้างความกังวลกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นให้มีความคึกคักการทำธุรกรรมให้ลดลง แต่ล่าสุดชาวตลาดหุ้นกลับมาเฮลั่นกันอีกครั้ง
เมื่อสื่อหลายสำนักรายงานว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยว่า จะไม่มีการเก็บภาษีขายหุ้น เนื่องจากตลาดหุ้นไทยอยู่น่าภาวะเปราะบางมาก ทั้งนี้แม้จะดูเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็อาจจะดีไม่สุด เพราะตลาดหุ้นไทย
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยกับ #ThairathMoney ว่า การที่นายกรัฐมนตรีมี ดำริ ว่าจะไม่เก็บภาษีขายหุ้นนั้นจะส่งผลบวกกับตลาดหุ้น เป็นการปลดล็อกความกังวลจากก่อนหน้านี้ที่ นักลงทุนต่างไม่กล้าที่จะแอ็กชันในตลาด เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มเก็บภาษีเมื่อไร
ทั้งนี้ผลดังกล่าวจะส่งผลบวกกับนักลงทุนในทุกกลุ่ม โดยกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด คือกลุ่มที่ใช้ระบบ High frequency trading เน้นการส่งคำสั่งด้วยความเร็วสูง และกลุ่มพอร์ตเทรดของบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนที่เป็นเดย์เทรด ซึ่งนักลงทุนเหล่านี้จะมีความอ่อนไหวกับต้นทุนการซื้อขายซึ่งการเก็บภาษีจะส่งผลกระทบโดยตรง
รายย่อยหาย ทำวอลุ่มลด
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการประกาศบอกว่า ไม่เก็บภาษีขายหุ้น แต่ก็อาจจะไม่ส่งผลบวกกับมูลค่าการซื้อขายให้เพิ่มขึ้นมากนัก โดยหากดูจากข้อมูลจะพบว่า มูลค่าเฉลี่ยการซื้อขายต่อวันในปัจจุบันอยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่เกือบแสนล้านบาท กลุ่มนักลงทุนที่หายไป คือ กลุ่มนักลงทุนรายบุคคล เป็นผลสำคัญมาจากการเข้ามาของ HFT โดยมีสัดส่วนต่อมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 35% ที่ทำให้ความผันผวนลดลง การเล่นแบบเก็งกำไรทำได้ยาก ทำให้นักลงทุนรายย่อยพากันออกจากตลาดหุ้น ดังนั้นต้องหาวิธีนำนักลงทุนรายย่อยกลับมาเทรดอีกครั้ง