MASTER ขึ้นแท่น รพ.ศัลยกรรมใหญ่สุดในเอเชีย กางแผนซื้อกิจการอีก 3 ดัน KIN เข้าไอพีโอ

การทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์นั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญของภาคธุรกิจ ที่จะทำให้สินค้าและบริการเป็นที่รู้จัก และช่วยสร้างยอดขายให้มีการเติบโต ขณะเดียวกันธุรกิจสื่อโฆษณามีการฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จากผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น

ล่าสุด บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามชั้นนำของไทย ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ” ลงทุนซื้อหุ้น บริษัท คิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (KIN Corp.) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมาส่งเสริมการตลาด เปิดทางโอกาสการเติบโตทางธุรกิจครั้งสำคัญ

นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) มาประยุกต์ใช้ ซึ่งเป็นแนวทางการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้นของแต่ละบริษัทไม่เกิน 40% ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีความชัดเจนอีกอย่างน้อย 3 ดีล

สำหรับการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท คิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( KIN Corp.) บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 400,000 หุ้น หรือ 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 400 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 160 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้เงินเพื่อไปใช้ในการขยายกิจการ และคาดว่าจะดำเนินการเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/67

การร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญของ MASTER เพราะนอกจากจะเป็นการเสริมด้านการตลาดให้กับกลุ่มโรงพยาบาลในเครือ เช่น WIND Clinic, Rattinan Medical Center และ Dr.Chen Clinic ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนให้ลดลงราว 10% ด้วย

ภายหลังจากการเข้าถือหุ้น KIN Corp. เสร็จสมบูรณ์ บริษัทพร้อมให้การสนับสนุน KIN Corp. ในทุกๆ ด้าน โดยคาดว่า KIN Corp. เริ่มสร้างผลกำไรให้บริษัทได้ในไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป และจะรับรู้กำไรเข้าเต็มปี 2567 เป็นปีแรก

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนนำ KIN Corp. ข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างสร้างการเติบโตให้มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่ และครอบคลุมการให้บริการด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น

นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทถือเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย หรือมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดราว 15,960 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายเป็นกลุ่มโรงพยาบาลเฉพาะทางอันดับหนึ่ง ปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมในการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ จากมีกระแสเงินสดในมือและสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินในอีกจำนวนมาก โดยเน้นความร่วมมือทางธุรกิจ และช่วยเติมช่องว่างระบบหลังบ้านด้วยการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ด้าน ภาคิน วณิชภิรมย์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (KIN Corp.) กล่าวว่า MASTER มีจุดแข็งเรื่องการพัฒนาคนในองค์กร ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับ KIN Corp. เพราะแนวทางการดึงศักยภาพของคนในองค์กร นำมาใช้ในเรื่องการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงมีโอกาสรับรู้รายได้จากโฆษณาของบริษัทในกลุ่มได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ MASTER ลดต้นทุนจากการใช้ป้ายโฆษณา ซึ่งเป็นภาพความร่วมมือทางธุรกิจที่ชัดเจนในอนาคต

ด้านภาพรวมธุรกิจสื่อโฆษณา หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยอ้างอิงจากรายงาน “นีลเส็น” (Nielsen) ระบุว่าเม็ดเงินโฆษณา (Media Spending) ช่วง 7 เดือนแรก ปี 2566 มีมูลค่าเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าอยู่ที่ 65,093 ล้านบาท แบ่งเป็น สื่อทีวี ยังคงเป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุด อยู่ที่ 57% คิดเป็นมูลค่า 34,483 ล้านบาท

รองลงมาเป็นสื่อดิจิทัล เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้น 6% มูลค่าอยู่ที่ 16,031 ล้านบาท และตามมาด้วยสื่อนอกบ้าน และสื่อการเดินทาง เม็ดเงินโฆษณาโต 23% มูลค่าอยู่ที่ 9,032 ล้านบาท

ดังนั้น KIN เชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา เพราะด้วยโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน ลูกค้าต่างมองหาวิธีที่จะทำให้แบรนด์ของตนเองโดดเด่นและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง 

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ไป บริษัทวางแผนขยายตลาดในกลุ่ม Medical และกลุ่ม Health Care ที่ต้องการบริษัทผลิตสื่อที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือกลุ่ม Out of Home Media ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่ KIN Corp. สนใจ จากเดิมที่ KIN Corp. มีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม Real Estate ซึ่งบริหารโครงการอยู่ประมาณ 250 โครงการ แบ่งเป็น กลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม

อย่างไรก็ดี ธุรกิจสื่อโฆษณาของคิน แบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. ป้ายชี้ทางแสดงถึงสัญลักษณ์ 2. ป้ายโฆษณากลางแจ้งขนาดใหญ่และเล็ก 3. ป้ายโฆษณาสำหรับติดข้างรถเคลื่อนไปยังจุดต่างๆ 4. ป้ายสื่อโฆษณาที่ใช้สำหรับปรับทัศนียภาพในโครงการ เพื่อดึงดูดความน่าสนใจให้กับลูกค้า และ 5. สื่อโฆษณาออนไลน์

ทั้งนี้บริษัทมีการเติบโตรายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี (ปี 2562-2565 ) ที่ระดับ 19.21% และมีรายได้สำหรับปี 2565 อยู่ที่ 465.51 ล้านบาท กำไรสุทธิ 116.16 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 38% และอัตรากำไรสุทธิราว 20-25%