ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เปิดเทรดวันแรกที่ราคา 8 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 45% จากราคาจองซื้อไอพีโอที่ 5.50 บาท ท่ามกลางความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในการเติบโตของธุรกิจ หลังจะนำเงินระดมทุนไปขยายกำลังการผลิต
วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เปิดเผยว่า สำหรับราคาหุ้นในวันนี้ ถือเป็นราคาเปิดที่สวยงาม ซึ่งหลังจากการระดมทุน บริษัทมีแผนการดำเนินโครงการต่างๆ อีกมากมาย เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยวางเป้าหมายว่าหุ้นของบริษัทจะเป็นทั้ง “Growth Stock” และ “Dividend Stock” ให้กับนักลงทุนในระยะยาว
ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าผลประกอบการปี 2566 จะมีรายได้เติบโตที่ระดับ 30% จากการเติบโตของผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวแปรรูปเป็นหลัก โดยบริษัทได้รุกทำการและส่งออกไปยังประเทศจีนเพิ่มเติม ซึ่งมองว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก
พร้อมกันนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้บริษัทจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผลโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลัก
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนจากการไอพีโอครั้งนี้ ไปลงทุนติดตั้งเครื่องจักรใหม่ มูลค่าราว 600-700 ล้านบาท เพื่อการขยายกำลังการผลิตเป็น 2 แสนตัน จากเดิม 1.1 แสนตัน พร้อมกับการลงทุนขยายคลังสินค้า เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
ขณะที่ในปี 2567 บริษัทคาดว่าจะมีการรับรู้กำลังการผลิตใหม่เข้ามาเต็มที่ ในช่วงไตรมาสที่ 2/67 ผลักดันให้รายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีแผนขยายการลงทุนในโซลาร์รูฟ ลงทุนหม้อต้มไอน้ำ เพื่อบริหารจัดการต้นทุนพลังงานและได้ประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตด้วย ซึ่งคาดว่าต้นทุนรวมในปี 2567 จะลดลงจากปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ
วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาถือหุ้น COCOCO นั้น มองว่าเขามีความมั่นใจต่อธุรกิจ หลังจากได้พาเยี่ยมชมกิจการและโรงงานแล้ว ทั้งนี้บริษัทถือเป็นลำดับต้นๆ ของบริษัทไทย ในอุตสาหกรรมมะพร้าวหรือกะทิส่งออกสู่ตลาดโลก และมีฐานลูกค้าในต่างประเทศกว่า 90 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ผลิต จำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวและผลไม้ชั้นนำของประเทศไทยต่อไป
อย่างไรก็ดี มีมุมมองต่อรัฐบาลชุดใหม่ว่า การนำของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นอดีตนักธุรกิจ น่าจะเข้าใจวิธีการและอุปสรรคของการทำธุรกิจเป็นอย่างดี และปัจจุบันเห็นว่ารัฐบาลได้มีการเจรจาทางการค้าอย่างต่อเนื่อง น่าจะทำให้ประเทศไทยมีความได้เปรียบสำหรับภาคการส่งออกในอนาคต