ตลท. ชี้หุ้นไทยฟื้นแน่ การเมืองชัด-รัฐอัดฉีดเศรษฐกิจ แจงดูงานตปท.ไม่ได้นั่ง “เฟิร์สคลาส”

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลท. ชี้หุ้นไทยฟื้นแน่ การเมืองชัด-รัฐอัดฉีดเศรษฐกิจ แจงดูงานตปท.ไม่ได้นั่ง “เฟิร์สคลาส”

Date Time: 11 ก.ย. 2566 17:06 น.

Video

บิทคอยน์ VS เงินในกระเป๋าเกี่ยวกันยังไง ? | Digital Frontiers

Summary

  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ กุญแจสำคัญของประเทศไทย คือการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ระหว่างรอเบิกจ่ายงบประมาณ เชื่อส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสื่อพาดพิงการทำงาน

นักลงทุนต่างให้ความสนใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ที่นำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้มีการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลง


ก่อนหน้านี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ รายงานเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2/66 ขยายตัว 1.8% ชะลอลงจาก 2.6% จากไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากการท่องเที่ยวหดตัว แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนสิงหาคมได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สวนทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ


จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ


ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กุญแจสำคัญของประเทศไทย หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น คือการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดกระแสเม็ดเงินหมุนเวียน และเกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ระหว่างการรอพิจารณาอนุมัติงบประมาณประจำปี ที่มองว่าต้องดำเนินการให้มีการเบิกจ่ายโดยเร็ว ประกอบกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคตลาดทุนได้ในระยะสั้น


ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะยาว ว่าจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย และสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างไร เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะผันผวน โดยเฉพาะความเสี่ยงเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ที่กดดัน sentiment ผู้ลงทุนโดยรวมในตลาดโลกอยู่ในเชิงลบ ขณะที่จีนถือเป็นคู่ค้า ผู้ลงทุน และนักท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย โดยมองว่ามาตรการดูแลกลุ่มเปราะบาง และมาตรการปลดล็อกฟรีวีซ่าจีนจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมได้


นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูงอาจกดดันเม็ดเงินไหลออกได้ หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่ายังคงยืนยันเป้าหมายเงินเฟ้อระยะยาวที่ 2% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.2% ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดแรงงานยังคงชะลอตัวช้ากว่าคาด ทำให้ผู้ลงทุนคาดว่าอาจเห็นเฟดคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ไปจนถึงปลายปีนี้


อย่างไรก็ดี มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai ในเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ 58,579 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 21.1% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 8 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 57,904 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่เจ็ด โดยในเดือนสิงหาคม 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 14,755 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 ที่ระดับ 49.90%


ชี้แจงกรณีสื่อพาดพิงการทำงาน ตลท.


ด้าน ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีบทความพาดพิงการทํางานของตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพาดพิงถึงการทํางานของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงคณะกรรมการและผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง ดังนี้


สำหรับกรณีพาดพิงถึงโครงสร้างองค์กรและการดําเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอยืนยันว่า โครงสร้างองค์กรและการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ เทียบเคียงได้กับตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำในต่างประเทศ และการดำเนินงานต่างๆ เป็นไปตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ทั้งนี้ หน้าที่ในการกำกับตรวจสอบการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์


ส่วนการพาดพิงถึงโครงสร้างคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้นขอเรียนว่า เป็นไปตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยประกอบด้วยผู้แทนที่มาจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคส่วนต่างๆ ของตลาดทุน โดยจะปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะของ Public Independent Director (PID) ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และอีกส่วนหนึ่งเป็นผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยที่ประชุมสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้ ด้วยโครงสร้างของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ และคณะอนุกรรมการชุดย่อยต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนความหลากหลายของนโยบายต่างๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้เกิดการกำกับดูแลกิจการ รวมทั้งมีมาตรการในการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ซึ่งเป็นไปตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดี


ขณะที่ประเด็นการเดินทางไปศึกษาดูงานนั้น ถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะแสวงหาความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับองค์กรชั้นนำในต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาการใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรมทางธุรกิจทั้งในเชิงแนวคิดวิธีการทำงานและการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยการเดินทางไปศึกษาดูงานในปี 2566 ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีหลังสถานการณ์โควิดได้คลี่คลาย ซึ่งในครั้งนี้เป็นการไปประชุมและหารือร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุนของไทยให้เติบโตและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล โดยการเดินทางดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน (ไม่มีการเดินทางในระดับเฟิร์สคลาส) และมีการบริหารใช้จ่ายงบประมาณอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังได้มีการตรวจสอบโดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบ เหมือนดังเช่นองค์กรอื่นๆ ทั่วไปด้วย


และในส่วนที่มีการกล่าวหาตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า มีความหละหลวมบกพร่องอย่างร้ายแรงในกรณีหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนรายหนึ่งนั้น เนื่องจากหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ ติดตามดูแลบริษัทจดทะเบียนให้เปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่สำคัญเพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลเพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมิได้อยู่ต้นทางที่จะได้รับทราบข้อมูลที่เปิดเผยโดยบริษัทจดทะเบียน ซึ่งในตลาดทุนยังมีผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ อีกหลายรายที่เข้ามาร่วมกันทำหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบบริษัทจดทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นผู้สอบบัญชีอิสระ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย รวมไปจนถึงหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลต่างๆ นอกจากนี้เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ได้เร่งประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหามาโดยตลอด.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ