ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เกิดสภาวะที่ไม่ปกตินักในตลาดหุ้น หลังจากหุ้นหลายหลักทรัพย์ มีราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น หรือ ลดลงแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ นักลงทุนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกคาดว่าสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดหุ้น นั่นคือ โปรแกรมเทรด หรือ โรบอตเทรด ที่ถูกนำเข้ามาใช้ในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในระยะหลังมีการส่งคำสั่งแบบ HFT ที่เน้นการส่งคำสั่งด้วยความเร็วสูง
จากรายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีการใช้โรบอตเทรด หรือ การใช้ Algo มากขึ้น โดยสะท้อนได้จากตัวเลขมูลค่าการซื้อขายของโปรแกรมเทรดเปรียบเทียบต่อมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวัน ในปี 2019 มีการใช้โปรแกรมเทรดอยู่ที่ 23% จากมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด โดยล่าสุดในช่วงเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 38% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด ซึ่งเป็นเทรนด์ของตลาดทั่วโลกที่มีการใช้โปรแกรมมากขึ้น ดังนั้นเรามีทำความเข้าใจกันว่า โปรแกรมเทรด คืออะไร และมีกี่ประเภท และจะสร้างผลกระทบกับตลาดได้จริงหรือไม่
Algo trading คือ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ปฏิบัติตามชุดคำสั่งที่กำหนดไว้ตามที่ผู้เขียนโปรแกรมได้กำหนด โดยผู้เขียนโปรแกรมจะมีการเขียนกลยุทธ์ หรือ วิธีการส่งคำสั่งซื้อขายตามแพตเทิร์น เพื่อสร้างความได้เปรียบ และต้องได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการเชื่อมต่อ
โดยรูปแบบการส่งคำสั่งของ ผ่านโปรแกรมเทรดนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้โปรแกรมเทรดได้รับความนิยมนั้น มาจากโปรแกรมเทรด มีการส่งคำสั่งที่รวดเร็ว แม่นยำกว่าการคีย์คำสั่งด้วยมนุษย์ และสามารถใช้ชุดคำสั่งแบบการกำหนดกลยุทธ์การซื้อขายได้ เป็นเทรนด์ของทั่วโลกที่หันมาใช้และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เมื่อหันมามองตลาดหุ้นไทย ก็มีการนำโปรแกรมเทรดเข้ามาใช้เช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ที่เริ่มนำมาใช้ โดยเห็นได้จากสัดส่วนการซื้อขายต่อมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ของนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากเมื่อปี 2010 ต่างชาติมีสัดส่วนอยู่ที่ 15% แต่ล่าสุดจากต้นปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทยถึง 50% ของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน
ดร.พิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการใช้โปรแกรมเทรดในตลาดหุ้นไทยนั้น ที่ผ่านมากลุ่มนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้เล่นหลักในการส่งคำสั่งซื้อขายคิดเป็นสัดส่วน 34% โดยเมื่อสแกนเข้าไปในข้อมูลพบว่า แบ่งการส่งคำสั่ง Non-HFT Program 23% และ การส่งคำสั่งแบบ HFT Program 11%
ในด้านผลกระทบของนักลงทุนกับโปรแกรมที่เทรด หรือ Algo นั้น ยอมรับว่า จะกระทบกับนักลงทุนบางกลุ่ม โดยเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ที่เน้นการเทรดสั้นภายในวัน หรือ พอร์ตของบริษัทหลักทรัพย์ ที่ต้องเทรดเพื่อทำผลิตภัณฑ์ทางการเงินในรูปแบบต่างๆ เช่น ใบสำคำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ หรือ DW
โดยพอร์ตของบริษัทหลักทรัพย์นั้นจะได้รับผลกระทบ เพราะจะต้องรักษาอัตราส่วนต่างระหว่างราคากับอนุพันธ์ให้สอดคล้องกับสินทรัพย์อ้างอิงเสมอ และหากไม่สามารถส่งคำสั่งได้ทันระบบ HFT อาจต้องรับผลการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นพอร์ตบริษัทหลักทรัพย์อาจต้องอัปเกรดระบบเพื่อให้มีความเร็วในการประมวลผลและส่งคำสั่งให้ทันกับระบบ HFT ซึ่งอาจต้องลงทุนเพิ่ม ส่วนนักลงทุนกลุ่มอื่นอาจเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นเดย์เทรด จะได้รับผลกระทบและอาจต้องปรับวิธีการซื้อขายหุ้น
ทั้งนี้ HFT ไม่ได้มีแต่โทษ แต่มีประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมของตลาด เพราะจะช่วยสร้างสภาพคล่องให้มี Bid และ Offer ที่เสมอสอดคล้องกับสภาพของตลาด และช่วยให้ตลาดกลับสู่สภาวะสมดุลได้เร็วขึ้นเมื่อเกิดสถานการณ์ไม่ปกติ
สำหรับนักลงทุนรายบุคคลทั่วไปที่ซื้อหุ้น ถือครองแล้วขาย ตามรอบปกติ นั้น ดร.พิพัฒน์ มองว่า จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของ HFT โดยสิ่งที่นักลงุทนจะได้เปรียบ HFT นั้น คือ การวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยพื้นฐาน และการลงทุนระยะยาวที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีในการลงทุน เพราะสุดท้ายแม้ว่า HFT จะมีความรวดเร็วในการส่งคำสั่งเพียงใด แต่โปรแกรมเทรดยังต้องใช้มนุษย์ในการกำหนดคำสั่ง ไม่สามารถเปลี่ยนกลยุทธ์ได้รวดเร็วเหมือนมนุษย์