หุ้น STA ฟื้นจากหลุมบวก 33% ใน 13 วัน สวนทางนักวิเคราะห์หั่นเป้า คาดครึ่งปีหลังกำไรไม่ฟื้น

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง โดยล่าสุดราคาหุ้น ณ เวลา 15.14 น. อยู่ที่ 16.20 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ 5.88% โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น STA ขึ้นจากจุดต่ำสุดในวันที่ 16 ส.ค. 66 ที่ระดับ 12.10 บาท เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 13 วันทำการ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 33.88%

แม้ราคาหุ้นจะฟื้นตัวได้ดี แต่ทิศทางของผลการดำเนินงานของ STA ยังน่าห่วง ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ประเมินว่า ทิศทางของผลการดำเนินงาน STA คาดไตรมาสที่ 3 อ่อนตัวลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มลูกค้ายางล้อทั้ง China และ Non-China ยังคงอยู่ในช่วงระบายสินค้า ส่งผลให้มียอดสั่งซื้อยางลดลง

บล.คาดว่า ยอดขายยางธรรมชาติในไตรมาสที่ 3 อ่อนตัวลง 10% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากกลุ่มลูกค้ายังคงอยู่ในช่วงระบายสินค้า ทั้ง Raw Material และยางล้อ ที่มียอดขายชะลอตัวลง เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจ ลูกค้ากลุ่ม China มีการกักตุนยางธรรมชาติในช่วงที่ราคายางปรับตัวลดลง ส่งผลให้ยังมี Raw Material ที่พร้อมผลิตยางล้ออยู่มาก ต้นทุนการผลิตยางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น จากผลกระทบของ El Nino ที่ทำให้กรีดยางได้ลดลง

ทั้งนี้ บล.ทรีนีตี้ ปรับเป้าปริมาณการขายยางจาก 1.9 ล้านตัน ลงเป็น 1.48 ล้านตัน เท่ากับปี 2565 โดยไตรมาสที่ 3 คาดปริมาณการขาย และ ASP มีการปรับตัวลดลงจากปีก่อน 10% และลดลงจากไตรมาสก่อน 5% โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 4 จะเริ่มกลับมามีปริมาณการขายใกล้เคียงไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ที่ผ่านมา โดยยางของ STA ผ่านมาตรฐาน EUDR ส่งผลให้มีโอกาสในการเพิ่มปริมาณการขายในกลุ่มนี้มากขึ้น กลุ่มถุงมือยางคาดมียอดขายและ ASP ใกล้เคียงไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับคาดการณ์รายได้ปี 2566-2567 ลง 19% และ 7% ตามลำดับ หลังจากที่ปริมาณการขายยางธรรมชาติและ ASP อ่อนตัวลง และปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566-2567 ลง 83% และ 20% เป็น 577 ล้านบาท และ 2.54 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจาก Gross Margin ของกลุ่มยางธรรมชาติ ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 10.4% ในช่วงครึ่งปีแรก

เรายังคงแนะนำ “ถือ” รอการฟื้นตัวของยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 4 ที่คาดว่าจะสามารถกลับมาอยู่ระดับใกล้เคียงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา โดยมีราคาเป้าหมายที่ 16.60 บาท (จาก 22.00 บาท) จากการอิงผลประกอบการปี 2567.