หุ้นได้ประโยชน์การเมือง!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 ส.ค.66 ปิดที่ 1,549.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.41 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 75,837.78 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 161.77 ล้านบาท

บล.ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ ผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ด้วยคะแนนเห็นชอบ 482 เสียง ถือว่าเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ในปัจจุบัน 747 คน คาดว่าจะได้รัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มในการบริหารงานประเทศช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ เป็นต้นไป

ในยุค คสช. หลังมีความชัดเจนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 ครั้งล่าสุด SET Index ตอบรับเชิงบวกด้วยการค่อยๆปรับตัวขึ้นเฉลี่ยราว +3.5% ถึง +4.8% ในช่วง 2-4 สัปดาห์ข้างหน้า ดังนั้น ต้นเดือน ส.ค. มอง SET Index จะตอบสนองทางบวกด้วยการปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 1,600 จุด

กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจสำหรับลงทุนระยะสั้น ชอบกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มไฟแนนซ์ ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายต่างๆของพรรคร่วมรัฐบาลที่เคยหาเสียงไว้ - CPALL, CPAXT, AEONTS, TIDLOR

หุ้นที่เข้าร่วมงาน Thailand Focus ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว - COM7, CK, SCB, PLANB และหุ้นบลูชิปขนาดใหญ่ที่คาดจะเป็นเป้าลงทุนหากเงินนอกไหลเข้าและได้ประโยชน์จากการคำนวณดัชนี SET50FF คือ PTT, BBL, SCB, KBANK, BDMS, CPALL, CPN, MINT

ฝ่ายวิจัย CGS-CIMB ได้คัดกรองหุ้นที่คาดว่าจะรับผลบวกจากเศรษฐกิจฟื้นตัว จากนโยบายรัฐบาลชุดใหม่เป็นหุ้น Top pick จำนวน 14 บริษัท ได้แก่หุ้น AP, BBL, BH, CK, CPALL, CRC, ERW, ICHI, MINT, PR9, ORI, SCB, STEC และ WHA

สำหรับระยะสั้น ราคาน่าจะปรับตัวขึ้นได้ คือ CRC คาด EPS ของ CRC จะโตได้ราว 20% ต่อปี ในช่วงปี 66–68 แนะนำซื้อหุ้น CRS ให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 49.50 บาท, หุ้น SCB เชื่อว่าเป็น หนึ่งในผู้ที่จะได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่รัฐบาลชุดใหม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้ง แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 145 บาท หุ้น STEC แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 15 บาท.

อินเด็กซ์ 51