นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี CBG แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 98.30 บาท เปิดเผยว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ร่วมกับบริษัท CBG ที่ผ่านมา ผู้บริหารบอกว่าบริษัทจะมีรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และจัดจำหน่ายเบียร์ คาราบาว ซึ่งเป็นของคุณเสถียร เสถียรธรรมะ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ CBG ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยในช่วงแรกปริมาณจะอยู่ที่ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน (คิดเป็นยอดขายประมาณ 830 ล้านบาทต่อเดือน) โดยกระแสรายได้ของ CBG จะมาจากสองทาง ได้แก่
1. การผลิตขวด และ กระป๋อง ประมาณ 1-2 บาทต่อชิ้น
2. รายได้จากการจัดจำหน่าย
ซึ่งเราคาดว่า CBG จะมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 10% ทั้งนี้ เราใช้สมมติฐานแบบอนุรักษนิยม โดยรวมเข้ามาในประมาณการเพียงครึ่งเดียว (15 ล้านชิ้นต่อเดือน) ธุรกิจเบียร์จะทำกำไรให้บริษัท 136 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สำหรับแนวโน้มดีขึ้นในงวดครึ่งปีหลัง เพราะต้นทุนลดลง โดยเป็นผลจากราคาอะลูมิเนียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตกระป๋องเครื่องดื่ม (20% ของต้นทุนรวม) ลดลงมาอยู่ที่ 2,175 ดอลลาร์ต่อตัน จากระดับสูงสุดที่ 2,650 ดอลลาร์ต่อตัน เมื่อเดือนมกราคม 2023 ซึ่งจะทำให้ต้นทุนลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นในงวดครึ่งปีหลังของปีนี้นอกจากนี้ ยอดขายที่เติบโตปานกลางในประเทศไทย และในต่างประเทศ (โดยเฉพาะกัมพูชา) จากไตรมาสก่อน น่าจะทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานแก้ว และกระป๋องดีขึ้น รวมถึงช่วยให้บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนอัตรากำไรในงวด ครึ่งปีหลัง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของ CBG แสดงสัญญาณอัตรากําไรขั้นต้นฟื้นตัวเป็นครั้งแรก และเราคาดว่าจะเห็นรายได้ อัตรากําไรขั้นต้น และส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบํารุงกําลังฟื้นตัวต่อในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดี ธุรกิจใหม่ “การผลิตและจัดจําหน่ายบรรจุภัณฑ์สําหรับเบียร์” ได้รับการยืนยัน แล้วว่าจะเริ่มผลิตได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ส่งผลทําให้เราปรับประมาณการปี 2567 เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน เราคาดว่ากําไรสุทธิปี 2567 จะเติบโต 25% ทั้งนี้เนื่องจาก upside มีจํากัด เราจึงคงคําแนะนํา tactical call สําหรับ CBG ไว้ที่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ปี 2567 ที่ 86 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ การผลิตบรรจุภัณฑ์สําหรับเบียร์ CBG วางแผนเริ่มผลิตกระป๋องและขวดเบียร์ภายในสิ้นไตรมาสที่ 3 ถึง ต้นไตรมาสที่ 4 และจะเริ่มจัดจําหน่ายในเดือนต.ค. ก่อนเทศกาลสิ้นปี บริษัทจะผลิตกระป๋องและขวดเบียร์ ~30 ล้านหน่วยต่อเดือน ด้วยราคาขายเฉลี่ย 2 บาท/หน่วย ซึ่งจะส่งผลทําให้ในไตรมาสแรกมีรายได้ เข้ามา 180 ล้านบาทในขณะที่ประเมินรายได้จากการจัดจําหน่ายได้ที่ 1-2 บาท/หน่วย อย่างไรก็ตาม กําลังการผลิตในปัจจุบันยังมีจํากัด และ CBG อาจเพิ่มสายการผลิตใหม่ 1 สายในปี 2567 สําหรับ ธุรกิจเครื่องดื่มบํารุงกําลัง บริษัทจะคงราคาเครื่องดื่มบํารุงเรือธง “คาราบาวแดง” ไว้ที่ 10 บาทต่อขวด และจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ราคา 12 บาท/ขวด ในช่วงต้นปี 2567
อย่างไรก็ตาม บริษัทประมาณการปี 2566 เรายังคงประมาณการกําไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 2 พันล้านบาท ลดลง 11.8% และคงประมาณการรายได้ไว้ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้ครึ่งปีแรก คิดเป็น 44% ของ ประมาณการรายได้ปี 2566 สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เราใช้สมมติฐานว่าส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบํารุง กําลังจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกหลังจากฟื้นตัวสู่ 22%
ใน 2566 CBG ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบํารุงกําลังตอนสิ้นปี 2566 ที่ 23-25% และเราคาดว่าบริษัทน่าจะทําส่วนแบ่งการตลาดได้ถึงกรอบเป้าหมายด้านล่าง เป้าอัตรากําไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยในปี 2566 ของบริษัทอยู่ที่ 26.8% ฟื้นตัวจาก 25.8% ใน 1H66 ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันที่ลดน้อยลงจากต้นทุนวัตถุดิบหลักๆ เช่น อะลูมิเนียม แม้ว่า ต้นทุนน้ำตาลยังสูง