ส่องกำไรหุ้น BDMS กลุ่มโรงพยาบาล ที่ต่างชาติต่อคิวรักษา โบรกฯ 15 ราย พร้อมใจเชียร์ “ซื้อ”

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ส่องกำไรหุ้น BDMS กลุ่มโรงพยาบาล ที่ต่างชาติต่อคิวรักษา โบรกฯ 15 ราย พร้อมใจเชียร์ “ซื้อ”

Date Time: 20 ส.ค. 2566 05:30 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • #ThairathMoney ได้รวบรวมข้อมูลหุ้นของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ที่เตรียมรับผลบวกจากการผู้ป่วยต่างชาติหลังมีการเปิดเมือง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ต่างให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่าควร “ซื้อ”

Latest


โรงพยาบาล ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 โดยวันนี้ #ThairathMoney ได้รวบรวมข้อมูลหุ้นของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ที่เตรียมรับผลบวกจากการผู้ป่วยต่างชาติหลังมีการเปิดเมือง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ต่างให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่าควร “ซื้อ”


BDMS เป็นผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของประเทศ โดยมีโรงพยาบาลเครือข่ายในไทยและกัมพูชา ดำเนินการภายใต้ชื่อโรงพยาบาล 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบี เอ็น เอช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล 


นอกจากนี้ เครือข่ายของ BDMS ยังรวมถึงธุรกิจที่ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์ ได้แก่ ธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ธุรกิจผลิตยาและธุรกิจผลิตน้ำเกลือ เป็นต้น


สำหรับผลประกอบการของหุ้น BDMS ที่ผ่านมา 3 ปีย้อนหลัง พบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 69,101.64 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 7,214.24 ล้านบาท ต่อมาปี 2564 มีรายได้ 75,791.68 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 7,936.08 ล้านบาท และปี 2565 มีรายได้ 93,055.58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12,606.20 ล้านบาท


ล่าสุด BDMS รายงานผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีนี้ ทำรายได้แล้วจำนวน 48,776.22 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,533.38 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังรายได้ค่ารักษาพยาบาลมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะรายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติ 


ข้อมูลจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) ระบุว่า มีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จำนวน 15 ราย ให้ความเห็นแนะนำซื้อหุ้น BDMS โดยให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 37.50 บาท และต่ำสุดที่ 32.00 บาท หลังเชื่อว่าแนวโน้มผลประกอบการจะมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง


บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประสิทธิภาพในการทำกำไรในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยรับผลบวกจากช่วงฤดูกาลและการฟื้นตัวต่อเนื่องของผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in โดยหลักๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยชาวจีน ชาวตะวันออกกลาง โดยเฉพาะจากประเทศกาตาร์ และประเทศซาอุดีอาระเบีย และผู้ป่วยจากประเทศในแถบ CLMV ซึ่งส่วนใหญ่มาเข้ารับการรักษาโรคที่มีความรุนแรง ที่ BDMS เน้นคุณภาพการรักษา 5 โรคร้ายแรง ใน 14 โรงพยาบาล ที่เป็น Center of Excellence จะช่วยหนุนให้ผู้เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ


ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนรองรับผู้ป่วยต่างชาติและผู้ป่วยไทย ทั้งในระยะสั้นและยาว รวมถึงรองรับผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยในปีนี้ขยายจำนวนเตียงเพิ่มจาก 8,4 00 เตียงเป็น 8,700 เตียง และเพิ่มเป็นมากกว่า 9,000 เตียง ภายใน 3 ปี ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 66 อยู่ที่ 35 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”


ด้านบทวิเคราะห์ฯ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า ในที่ประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหาร BDMS ยังคงเป้ารายได้ปี 2566 เติบโต 6-8% และกำไร EBITDA ที่ 24% ซึ่งบ่งชี้ถึงการดำเนินงานที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เนื่องจาก BDMS กำลังเดินหน้าผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติของบริษัทกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 30% 


อย่างไรก็ดี ให้คำแนะนำ Tactical call ระยะ 3 เดือนสำหรับที่ “OUTPERFORM” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2567 ที่ 35 บาท และเลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มการแพทย์


ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BDMS รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/66 ดีกว่าประมาณการของเรา 6.0% จากรายได้ที่สูงกว่าคาด 3% และดอกเบี้ยจ่ายที่ต่ำกว่าคาด 3% และคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 2566 จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเข้าสู่ High season ของอุตสาหกรรมโรงพยาบาล


ทั้งนี้ คงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2567-2569) ประมาณการรายได้เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 7% โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) การเติบโตจากธุรกิจหลัก ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นและผลของรายได้ต่อหัวที่สูงขึ้นจากการรักษาโรคที่ซับซ้อน 2) กลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าใหม่อาทิกลุ่มประกันสุขภาพโดยเฉพาะภาคองค์กรและกลุ่ม Wellness & Residence สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ และ 3) แผนขยายโรงพยาบาล ทั้งสร้างใหม่ต่อเนื่อง รวมถึงแผนเข้าซื้อกิจการ ซึ่งบริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนเตียงจดทะเบียนจะเพิ่มจากปัจจุบันที่ราว 8,434 เตียงเป็น 9,000 เตียงในปี 2569


คงคำแนะนำ “ซื้อ” จากคงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 2566 ที่คาดเติบโตดีต่อเนื่อง รับผลบวกเต็มปีจากการเปิดประเทศ สวนทางผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลส่วนใหญ่ ที่คาดกำไรจะปรับลดลงจากฐานที่สูง เราคงมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2566 ที่ 37.40 บาท


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ