เช็กก่อนซื้อ I2 จ่อเทรดพรุ่งนี้ ไอพีโอ 2.70 บาท หุ้นที่ MFEC เตรียมซื้อ BIGLOT

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เช็กก่อนซื้อ I2 จ่อเทรดพรุ่งนี้ ไอพีโอ 2.70 บาท หุ้นที่ MFEC เตรียมซื้อ BIGLOT

Date Time: 7 ส.ค. 2566 11:52 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • I2 เสนอขายไอพีโอ 2.70 บาท จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.57% รวมมูลค่าการเสนอขาย 324 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 1,134 ล้านบาท จ่อเข้าเทรดในกระดาน เอ็ม เอ ไอ วันที่ 8 สิงหาคมนี้

Latest


ใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับการเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ ของบริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ I2 ด้วยราคาเสนอขายไอพีโอ 2.70 บาท จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด รวมมูลค่าการเสนอขาย 324 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 1,134 ล้านบาท ซึ่งจะเข้าเทรดในกระดาน เอ็ม เอ ไอ วันที่ 8 สิงหาคมนี้


บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ I2 ประกอบธุรกิจบริการ System Integration (SI) แบบครบวงจร ได้แก่ ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น Infrastructure, Network, Transformation, อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสัญญาณดาวเทียม และเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน


ธุรกิจ System Integration (SI) เป็นการนำเอาเทคโนโลยีไปแก้ไขปัญหาด้านธุรกิจและส่งเสริมให้บรรลุเป้าหมายและความท้าทายด้านธุรกิจและด้านอื่นๆ ในองค์กร เช่น ลดต้นทุนจากพลังงานส่วนเกินและการทำงานที่ซ้ำซ้อน ประหยัดเวลาการทำงานจากการสื่อสารของระบบไอทีที่ล่าช้า หรือกระบวนการทำงานแบบอนาล็อก อำนวยความสะดวกในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลลูกค้าขององค์กรเพื่อใช้ตอบโจทย์ทางธุรกิจ เป็นต้น


ทั้งนี้ บริษัทแบ่งการดำเนินธุรกิจเป็น 1.โครงการด้านไอซีที ได้แก่ IT Infrastructure, Digital Transformation และโซลูชั่นด้านการประหยัดพลังงาน และ 2.บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสัญญาณดาวเทียม บริษัทเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกับผู้ผลิตอุปกรณ์ และผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เครือข่ายสารสนเทศชั้นนำ เช่น Cisco, Oracle, Nutanix, Huawei เป็นต้น ในไตรมาส 1/2566 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการโครงการด้าน ICT ประมาณ 80% และการให้บริการอินเทอร์เน็ตประมาณ 20% โดยมีกลุ่มลูกค้าเจ้าของโครงการที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ เป็นหลัก


สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นไอพีโอ ที่มีมูลค่าราว 308.96 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานบริการโครงการขนาดใหญ่แก่ลูกค้า ประมาณ 200 ล้านบาท 2.เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ ประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 8.96 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ


ขณะที่ผลประกอบการของ I2 ในปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 41.57 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.43% ต่อมาปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 80.56 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.90% ส่วนปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 44.98 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 4.77% และงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 17.05 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 5.67% ของรายได้รวม


การกำหนดราคาของหุ้นสามัญเพิ่มทุนนั้น ประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 2.70 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 20.11 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ซึ่งมีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 56.40 ล้านบาท และคำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้จำนวน 420 ล้านหุ้น (Fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นประมาณ 0.13 บาทต่อหุ้น


นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย นางอัญชลี แก้วบรรพต นายอธิพร ลิ่มเจริญ นายไพฑูรย์ ประมวลชัยกุล และนายยุทธชัย ทูลพันธ์ จะดำเนินการขายหุ้นที่ตนถืออยู่รวมกันจำนวน 18 ล้านหุ้น บนกระดานซื้อขายรายใหญ่ (Big-Lot Board) ในราคาไอพีโอ ณ วันที่หุ้นของบริษัทฯ เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก ให้แก่บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC โดยมีสัญญาจะซื้อจะขายหุ้น ฉบับลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566


จากสัญญาจะซื้อจะขายหุ้นดังกล่าวข้างต้น MFEC รักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท ซึ่งการซื้อขายหุ้นดังกล่าว จะดำเนินการในวันแรกที่ซื้อขายในตลาดหลักรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ด้วยราคาเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน (Initial Public Offering Price)


MFEC ได้กำหนดบุคคลเข้าทำธุรกรรมจะซื้อหุ้นของบริษัทจากผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ นางอัญชลี แก้วบรรพต นายอธิพร ลิ่มเจริญ และนายไพฑูรย์ ประมวลชัยกุล แทน MFEC โดยกำหนดให้ บริษัท ซินเนอร์ยี่ กรุ๊ป เวนเจอร์ส จำกัด (SGV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ MFEC ถือหุ้น 100% เป็นบุคคลเข้าทำธุรกรรมจะซื้อหุ้นของบริษัทฯ โดย SGV จะซื้อหุ้นของบริษัทฯ จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมดังกล่าว จำนวน 18 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้น 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 4.29% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลังไอพีโอ โดยซื้อขายที่ราคาไอพีโอในวันที่หุ้นบริษัทซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ การซื้อขายหุ้นจะดำเนินการผ่านการซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big-Lot Board) รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอนอื่นใดที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด


อย่างไรก็ดี I2 มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่างๆ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผล หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผลได้โดยพิจารณาจากผลประกอบการ ฐานะทางการเงินของบริษัท กระแสเงินสด ความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อบริหารกิจการ แผนการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต และการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทางการตลาดหรือภาวะเศรษฐกิจ


ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ I2 ณ สิ้นปี 2567 ที่ 3.84 บาทต่อหุ้น อิงพีอี 15.0 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของกลุ่ม System Integrator จุดเด่นคือการเป็นผู้เล่นที่มีขนาดเล็กทำให้มีโอกาสเติบโตอีกมากหากมีเงินทุนเพิ่มเติม การมี Synergy จากผู้ถือหุ้นอย่าง MFEC ในด้าน Knowhow และมีรายได้จากธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลรองรับในช่วง 3 ปีจากนี้


โดยได้คาดการณ์กำไรปกติของ I2 ในปี 2566-2568 ที่ 76 ล้านบาท 108 ล้านบาท และ 126 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นการเติบโตของกำไรปกติปี 2566-2568 ที่ 5%, 41%, และ 17% ตามลำดับ สำหรับการเติบโตเด่นในปี 2567-2568 ได้แรงหนุนจากรายได้ที่เติบโตจากเงินไอพีโอที่ทำให้บริษัทสามารถประมูลงานภาครัฐได้เพิ่มเดิม ส่วนการเติบโตในปี 2566 หนุนจาก Backlog ณ สิ้นไตรมาส 1/66 ในมือที่แข็งแกร่งราว 1.0 พันล้านบาท


นอกจากนี้ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ที่เน้นงานเอกชน ยังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ I2 ในสัดส่วน 15% โดย MFEC เข้ามาลงทุน I2 ตั้งแต่ปี 2563 และจะรักษาสัดส่วนการลงทุน 15% หลังเข้าตลาดโดยจะเป็นการซื้อ Big Lot จากผู้บริหารที่ราคาไอพีโอ ซึ่งการดำเนินธุรกิจระหว่าง MFEC ไม่แข่งขันกันโดยตรง เพราะอยู่คนละตลาด โดย MFEC เน้นงานเอกชน ขณะที่ I2 เน้นงานภาครัฐ


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ